เวิลด์แชมป์เปี้ยนชิพเรสลิ่ง

เวิลด์แชมป์เปี้ยนชิพเรสลิ่ง จนทำให้ควบคุมบทบาทของตัวเองได้ด้วย

ข่าวกีฬาต่างประเทศแม้ว่าชื่อของฮัล์ค โฮแกนจะคุ้นเคยสำหรับแฟนมวยปล้ำชุค 80 ถึงต้น 90 มาตลอดในฐานะหน้าตาของวงการมวยปล้ำ ไม่ว่าจะเป็นบทบาทธรรมะเบอร์หนึ่งของค่าย รวมถึงมีโอกาสไปแสดงภาพยนตร์อยู่มากมายจนทำให้วงการเป็นที่นิยมถึงขั้นสูงสุด แต่ทว่าเบื้องหลังนั้นเจ้าตัวกลับเป็นคนที่ใช้อิทธิพลหลังฉากอยู่บ่อยครั้ง จนกระทั่งภาพการใช้อำนาจของเจ้าตัวได้ส่งผลไปถึงค่ายมวยปล้ำที่เจ้าตัวไปปรากฎตัวไม่ว่าจะเป็นเวิลด์เรสลิ่งเฟดเดอเรชั่นหรือ เวิลด์แชมป์เปี้ยนชิพเรสลิ่ง ก็ตาม                เหตุการณ์แรกๆ ที่แฟนมวยปล้ำได้เห็นโฮแกนใช้อิทธิพลหลังฉากก็คือการเป็นคู่เอกในรายการเรสเซิ่ลมาเนียครั้งที่เก้านั่นเอง ซึ่งเดิมทีแมตช์สุดท้ายของค่ำคืนจะเป็นการเจอกันระหว่างฮิตแมนเบรท ฮาร์ทแชมป์โลกในขณะนั้นที่ต้องป้องกันแชมป์กับโยโกะซูน่าผู้ท้าชิงร่างยักษ์ก่อนที่จะเป็นทางฝ่ายหลังที๋โกงและเอาชนะคว้าแชมป์จากฮาร์ทไปได้ แต่ทว่าหลังแมตช์ทางโฮแกนได้เข้ามาพร้อมกับถูกท้าชิงแชมป์ต่อทันที ก่อนที่เจ้าตัวจะเอาชนะไปได้ท่ามกลางความงุนงงของแฟนๆ                จากนั้นไม่นานเมื่องทางโฮแกนได้ย้ายไปยังค่ายคู่แข่งในปี 1994 นั้น เจ้าตัวยังมีสัญญากับสมาคม เวิลด์แชมป์เปี้ยนชิพเรสลิ่ง จนทำให้ควบคุมบทบาทของตัวเองได้ด้วย โดยการใช้อิทธิพลหลังฉากของเขาก็เกิดขึ้นอีกครั้งในปี 1996 ที่เจ้าตัวได้เป็นคู่เอกในรายการสตาร์เคจพร้อมขึ้นปล้ำเจอกับราวดี้ ร็อดดี้ ไพเพอร์ ที่แม้ว่าไพเพอร์จะเป็นผู้ชนะไปได้ แต่ในแมตช์ที่ว่านั้นกลับไม่ใช่การชิงแชมป์โลกแต่อย่างใด ซึ่งนี่ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้นักมวยปล้ำเชื้อสายสก็อตไม่เคยได้แชมป์โลกเลยตลอดชีวิตของเขา                ด้วยการใช้อิทธิพลหลังฉากของเขานี่เองทำให้ทางสมาคมเวิลด์แชมป์เปี้ยนชิพเรสลิ่งไม่มีโอกาสได้ขึ้นมาเป็นนักมวยปล้ำระดับสูงอย่างโฮแกนเลย ซึ่งคนที่หลุดรอดมาได้นั้นก็จะมีเพียงบิลล์ โกลด์เบิร์กและไดม่อน ดัลลาส เพจที่ก้าวขึ้นมาในช่วงที่ผู้นำนิวเวิลด์ออเดอร์เริ่มมีปัญหากับทีมงานหลังฉากนั่นเอง

Continue Reading
บูเกอร์ที

บูเกอร์ที นักมวยปล้ำระดับสูงสู่ตัวตลกในปี 2002ก่อนที่ค่ายจะถูกปิด

ในข่าวต่างกีฬาต่างประเทศช่วงนี้เรียกได้ว่าเป็นการพลิกบทบาทอยู่พอสมควรสำหรับ บูเกอร์ที ซึ่งเคยเป็นนักมวยปล้ำระดับสูงของสมาคมเวิลด์แชมป์เปี้ยนชิพเรสลิ่งในช่วงปี 2000 ก่อนที่ค่ายจะถูกปิดตัวไปในปีต่อมา โดยเขาได้ย้ายมาอยู่ในสมาคมคู่แข่งอย่างเวิลด์เรสลิ่งเอนเตอร์เทนเมนต์ แต่ทว่าเขากลับได้รับบทบาทจากนักมวยปล้ำขั้นสูงไปสู่การเป็นคนขายเสียงหัวเราะคู่กับโกลดัสจนทำให้ภาพลักษณ์เปลี่ยนไปและไม่คู่ควรกับแชมป์โลกอีกเลย                ในช่วงเวลาที่ บูเกอร์ที ได้ย้ายมาสมาคมใหม่นั้น เขาก็ได้เข้ามาในฐานะแชมป์โลกของดับเบิ้ลยูซีดับเบิ้ลยูนั่นเอง ก่อนที่เขาจะมีเรื่องราวกับเดอะร็อคจนเสียแชมป์ไป ส่วนเขาก็กลายเป็นเพียงนักมวยปล้ำคนหนึ่งของกลุ่มเอนไลเอนซ์ที่ต้องมาสู้นักมวยปล้ำในค่ายใหม่ จนกระทั่งไปมีเรื่องสโตนโคล สตีฟออสตินที่โดนเล่นงานจนเสียภาพลักษณ์ตามด้วยการไปจับคู่กับเทสต์ แต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่นัก                จนกระทั่งในปี 2002 นั้นทางสมาคมก็มีแผนเปลี่ยนบทบาทของบูเกอร์ทีอีกครั้ง โดยเจ้าตัวได้มีเรื่องราวกับโกลดัสนักมวยปล้ำสายฮาที่มักจะแต่งตัวแปลกๆ เพื่อสร้างเสียงหัวเราะให้ผู้ชม ซึ่งได้เปลี่ยนภาพลักษณ์ของเจ้าตัวจนกลายเป็นนักมวยปล้ำที่เป็นมิตรมากขึ้น แต่ทว่านั่นก็คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขากลายเป็นนักมวยปล้ำแทคทีมอีกครั้งพร้อมคว้าแชมป์แทคทีมมาครองได้กับเพื่อนคนใหม่อีกหนึ่งสมัย                จากการเป็นนักมวยปล้ำแทคทีมและเน้นความสนุกนี่เองได้ทำให้บูเกอร์ทีได้รับความนิยมจากแฟนๆ อย่างมากก่อนจะมีโอกาสชิงแชมป์โลกอีกครั้งกับทริปเปิ้ลเอช แต่สุดท้ายเจ้าตัวเป็นฝ่ายแพ้ไปและท้าชิงแชมป์ไม่สำเร็จ โดยเขาต้องใช้เวลาอีกหลายปีเลยทีเดียว ก่อนจะกลับไปสู่จุดสูงสุดได้อีกครั้งในปี 2006 นั่นเอง

Continue Reading
สติง

สติง กับ ฮัล์ค โฮแกนนั้นเริ่มต้นจากการที่รายแรกได้พลิกบทบาท

ข่าวกีฬาต่างประเทศในช่วงท้ายของการมีอยู่ของสมาคมเวิลด์แชมป์เปี้ยนชิพเรสลิ่งนั้น ถือเป็นช่วงที่วินซ์ รูสโซ่เป็นหัวหน้าทีมบริหารของสมาคม แต่ทว่าเรื่องราวบนสังเวียนนั้นกลับออกมาอย่างไม่เป็นระบบจนทำให้เกิดเหตุการณ์เล่นนอกบทอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งหนึ่งในเหตุการณ์ที่ถูกแฟนๆ จดจำนั้นก็คือรายการฮัลโลวีน ฮาวอคที่ทาง สติง มีคิวจะต้องป้องกันแชมป์โลกกับฮัล์ค โฮแกนแต่สุดท้ายกลับเกิดเรื่องจนทำให้สุดท้ายคู่เอกจะเป็นทางเจ้าของตำแหน่งมาป้องกันกับโกลด์เบิร์กแทน                 สำหรับเนื้อเรื่องระหว่าง สติง กับฮัล์ค โฮแกนนั้นเริ่มต้นจากการที่รายแรกได้พลิกบทบาทกลายเป็นฝ่ายอธรรมเป็นครั้งแรกตั้งแต่มีสมาคมเกิดขึ้นมา จากการที่เขาเป็นคนหักหลังโฮแกนในรายการฟอลบรอล์และคว้าแชมป์โลกไปครองได้ในที่สุด ก่อนที่จะมีการประกาศให้รีแมตช์เกิดขึ้นในฮัลโลวีน ฮาวอคแต่ทว่าทางฮัล์คสเตอร์กลับเดินออกมาในชุดปกติและปล่อยให้แชมป์โลกจับกดนับสามไปง่ายๆ ท่ามกลางความงงของคนดู                หลังจากที่แมตช์แชมป์โลกจบลงไปอย่างน่ากังขา ทางสติงก็ออกมาประกาศว่าเขาขอท้าใครก็ได้มาเจอกับเขาในช่วงคู่เอกของรายการ ซึ่งระหว่างนั้นทางโกลเบิร์กที่ต้องไปท้าชิงแชมป์สหรัฐอเมริกากับซิด วิเชียสก็สามารถเอาชนะและคว้าแชมป์อเมริกันมาครองเป็นสมัยที่สองได้อีกด้วย ก่อนที่เขาจะไปท้าเจอกับแชมป์โลกในเวลานั้นพร้อมกับเอาชนะไปได้แบบนอกรอบ ซึ่งแฟนๆ ในสนามยังสับสนว่าตกลงแล้วมีแชมป์คนใหม่หรือไม่                ด้วยความงุนงงของบทสรุปในรายการฮัลโลวีน ฮาวอคนี้เองทำให้ทางสติงถูกปลดออกจากการเป็นแชมป์ โดยเจ้าตัวกับโกลด์เบิร์กก็ได้เข้าร่วมในทัวร์นาเมนต์เพื่อหาแชมป์โลกคนใหม่ที่ผู้เข้าชิงชนะเลิศจะได้ขึ้นปล้ำในคู่เอกรายการเมย์เฮม ซึ่งได้ทางเบรท ฮาร์ทที่ครองแชมป์ไปได้นั่นเอง ติดตามข่าวกีฬาทั่วไป

Continue Reading
เล็กซ์ ลูเกอร์

เล็กซ์ ลูเกอร์ นั้นถือว่าเป็นที่รู้จักของแฟนมวยปล้ำในยุค 80 และ 90 อยู่พอสมควร

ข่าวกีฬาต่างประเทศวันนี้ขอเสนอชื่อของ เล็กซ์ ลูเกอร์ นั้นถือว่าเป็นที่รู้จักของแฟนมวยปล้ำในยุค 80 และ 90 อยู่พอสมควร จากบทบาทของชายงามที่มีรูปร่างดีกว่าคนอื่นเพราะเขาเคยเป็นนักเพาะกายมาก่อน แต่ทว่าหลังจากที่เขาไปอยู่ในค่ายของวินซ์ แมคแมนนั้นเขากลับถูกเปลี่ยนบทบาทจากชายผู้หลงตัวเองกลายเป็นฮัล์ค โฮแกนคนที่สองที่เน้นความรักชาติอเมริกันเป็นหลักจนทำให้เขาไม่เป็นที่ยอมรับของแฟนๆ จนต้องย้ายกลับค่ายเก่าในที่สุด                ที่จริงแล้วความสำเร็จของ เล็กซ์ ลูเกอร์ นั้นเริ่มต้นขึ้นในปี 1990 เมื่อเขามีคิวชิงแชมป์โลกเฮฟวี่เวทกับริค แฟลร์ แต่ทว่าแฟลร์ได้ลาออกจากสมาคมไป ทำให้ต้องมีการหาแชมป์คนใหม่ ก่อนที่ทางเล็กซ์จะเอาสามารถเอาชนะแบร์รี่ วินด์แฮมพร้อมคว้าแชมป์สูงสุดไปครองได้สำเร็จ แต่หลังจากที่เขาเสียแชมป์ให้สติงนั้น เจ้าตัวก็ต้องการที่จะย้ายไปเอาด้านการเพาะกายรวมทั้งเซ็นสัญญากับค่ายของวินซ์ แมคแมนแทน                ถึงแม้ว่าการเซ็นสัญญาของเล็กซ์ ลูเกอร์จะใช้เพื่อเข้าวงการเพาะกายก็ตาม แต่ทว่าเขากลับประสบอุบัติเหตุจากรถจักรยานยนต์จนทำให้เขาไม่ได้ลงประกวดอีกต่อไป หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้กลับสู่วงการมวยปล้ำอีกครั้งในฐานะชายงาม ก่อนที่จะโดนพลิกบทบาทเป็นอเมริกันฮีโร่แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ จนกระทั่งต้องกลับไปอยู่สมาคมเวิลด์แชมป์เปี้ยนชิพเรสลิ่ง พร้อมกับคว้าแชมป์โลกมาจากฮัล์ค โฮแกนได้อีกด้วย                น่าเสียดายที่สุดท้ายแล้วเล็กซ์ ลูเกอร์ก็มีโอกาสเป็นแชมป์โลกเพียงสองสมัยและมีช่วงเวลาที่ดีที่สุดจากการปล้ำในลีคแทคทีมคู่กับสติง โดยบทบาทชายงามที่เขาใช้มาตลอดนั้นก็ต้องจบลงไปในปี 2007 ที่เขาเกิดอาการป่วยอย่างรุนแรนจนเป็นอัมพาตไปชั่วคราว แม้ว่าเขาจะรักษาตัวจนกลับมาเดินได้อีกครั้งแล้วก็ตาม

Continue Reading
ทริปเปิ้ลเอช

ทริปเปิ้ลเอช กลายเป็นนักมวยปล้ำชั้นนำของค่ายในเวลาต่อมา

ข่าวกีฬาต่างประเทศในตอนนี้ถ้าพูดถึงสุดยอดนักมวยปล้ำสายอธรรมในปี 2000 นั้นคงมีเพียงสองชื่อที่หลุดเข้ามาในหัวของแฟนมวยปล้ำนั่นก็คือ ทริปเปิ้ลเอช กับสก็อต สไตเนอร์นั่นเอง โดยทางฝ่ายแรกก็เป็นคนที่ประสบความสำเร็จด้วยการเป็นแชมป์โลกครั้งแรกในปี 1999 ก่อนจะลากยาวมาถึงปี 2000 ส่วนทางสก็อตก็คว้าแชมป์สมัยแรกมาได้ในรายการเมย์แฮมในปีเดียวกัน จนกระทั่งในปี 2003 นั้นทางสองอคนมีโอกาสมาเจอกัน แต่ทว่าผลลัพธ์กลับไม่เป็นไปอย่างที่หวังไว้                หลังจากที่ทางสงครามวันจันทร์ของวงการมวยปล้ำจบลงด้วยชัยชนะของวินซ์ แมคแมนนั้น ทาง ทริปเปิ้ลเอช ก็กลายเป็นนักมวยปล้ำชั้นนำของค่ายในเวลาต่อมา ส่วนทางนักมวยปล้ำคนอื่นๆ ของค่ายคู่แข่งเก่าอย่างเวิลด์แชมป์เปี้ยนชิพเรสลิ่งก็ต้องย้ายตามมาเมื่อหมดสัญญาลงไป ซึ่งทางสก็อต สไตเนอร์ก็ย้ายกลับมาสู่ค่ายใหม่ในรายการเซอร์ไวเวอร์ ซีรียส์พร้อมกับเป็นนักมวยปล้ำอิสระที่จะย้ายไปปล้ำที่ค่ายใดค่ายหนึ่งระหว่างรอว์กับสแมคดาวน์                ด้วยการที่เจ้าตัวเลือกค่ายรอว์นั่นเอง ทำให้เขามีโอกาสเจอกับทริปเปิ้ลเอชที่เป็นแชมป์โลกเฮฟวี่เวทอยู่ในขณะนั้น ก่อนที่ทั้งสองคนจะมีโอกาสเจอกันในรายการรอยัลรัมเบิ้ลและโนเวย์เอาท์ ซึ่งจบลงด้วยการเอาชนะของแชมป์โลก แต่ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในแมตช์นั้นกลับทำให้แฟนๆ วิจารณ์อย่างมากว่าฝีมือของพวกเขาใช้ไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นความช้าของแมตช์และการไม่ถูกกันหลังฉากของทั้งสองคน ทริปเปิ้ลเอช ที่เป็นแชมป์โลกเฮฟวี่เวทอยู่ในขณะนั้น                หลังจากที่จบเรื่องกับทริปเปิ้ลเอชแล้ว ทางสก็อต สไตเนอร์ก็ได้ลาออกจากสมาคมไป ก่อนที่จะยังไปปรากฏตัวในสมาคมอิมแพคเรสลิ่งเป็นหลัก พร้อมความแชมป์แทคทีมมาครองได้ถึงสองสมัย แต่ทว่าเจ้าตัวก็ไม่มีโอกาสไปถึงจุดสูงสุดอีกเลย โดยที่ป๋ากล้ามยังคงโชว์ตัวอยู่ในสมาคมอิสระอยู่บ้างในปัจจุบัน

Continue Reading
ไซโคซิด

ไซโคซิด หรือซิดวิเชียสอดีตแชมป์โลกสองสมาคม ซึ่งเกิดอุบัติเหตุที่น่ากลัวขณะปล้ำ

ข่าวต่างประเทศวันนี้หากพูดถึงอาการบาดเจ็บที่น่ากลัวของวงการมวยปล้ำนั้น หลายคนคงต้องนึกถึงเหตุการณ์ของ ไซโคซิด หรือซิด วิเชียสอดีตแชมป์โลกสองสมาคม ซึ่งเกิดอุบัติเหตุที่น่ากลัวขณะปล้ำจนขาซ้ายหักกลางเวทีและต้องเลิกปล้ำอย่างเต็มตัวทันทีในปี 2001 โดยที่เจ้าตัวนั้นก็ไม่ได้ต้องการใช้ท่ามวยปล้ำดังกล่าวอีกด้วย แต่ด้วยความกดดันของสมาคมเวิลด์แชมป์เปี้ยนชิพเรสลิ่งที่ต้องการกอบกู้ชื่อเสียงของตัวเองได้ทำให้เขาต้องเจอกับเหตุการณ์ไม่น่าจดจำในชีวิต                ในรายการแรกของปี 2001 อย่างซินที่ตั้งชื่อตามบาปทั้งเจ็ดประการนั้น ทาง ไซโคซิด มีคิวต้องขึ้นท้าชิงแชมป์เฮฟวี่เวทของสมาคมที่มีสก็อต สไตเนอร์เป็นเจ้าของตำแหน่งพร้อมกับเจฟฟ์ จาร์เร็ตและนักมวยปล้ำปริศนาหนึ่งคน จนกระทั่งในช่วงเริ่มแมตช์นั้นทั้งสามคนแรกจะต้องสู้กันเองก่อน หลังจากที่นักมวยปล้ำปริศนายังไม่มาปรากฏตัว ซึ่งท้ายแมตช์นั้นทางซิดก็ขึ้นเชือกมุมเวทีแล้วตั้งใจจะถีบสไตเนอร์ ทว่าขาข้างซ้ายนั้นรับน้ำหนักของเขาไม่ไหวและหักเป็นสองท่อนทันที                หลังจากที่ไซโคซิดได้รับบาดเจ็บบนเวทีนั้น ทางนักมวยปล้ำปริศนาก็ต้องรีบเปิดตัวทันทีและเขาก็คือแอนนิมอลจากแทคทีมโร้ด วอร์ริเออร์นั่นเอง ก่อนที่แมตช์จะรีบตัดจบด้วยการให้สไตเนอร์มากดซิดที่ขยับตัวไม่ได้แล้วให้นับสามไป ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้สมาคมต้องเสียอดีตแชมป์โลกคนสำคัญที่ต้องไปพักรักษาตัวและเลิกปล้ำนานหลายปี โดยเจ้าตัวได้ออกมาเปิดเผยว่าเขาถูกบังคับจากทีมงานให้ลองใช้ท่ากลางอากาศดูบ้างจนเป็นที่มาของอุบัติเหตุนี้นั่นเอง ไซโคซิด มีคิวต้องขึ้นท้าชิงแชมป์เฮฟวี่เวทของสมาคม                โชคยังดีสำหรับไซโคซิดที่ยังสามารถกลับมาเดินและขึ้นปล้ำได้อีกครั้ง หลังจากที่รักษาและกายภาพบำบัดนานถึงสามปี ก่อนที่เขาจะมีโอกาสกลับมาปล้ำในรายการรอว์อีกครั้งในปี 2012 ด้วยการเอาชนะฮีท สเลเตอร์ไปได้ ก่อนที่อดีตแชมป์โลกคนนี้จะปิดฉากอาชีพไปในปี 2017 ในวัย 56 ปี

Continue Reading
เคอร์รี่ วอน

เคอร์รี่ วอน เอริคจากแชมป์โลกสู่จุดจบที่แสนเศร้าสำหรับวงการมวยปล้ำ

ข่าวกีฬาต่างประเทศวันนี้สำหรับวงการมวยปล้ำแล้วเรื่องที่น่าเศร้าที่สุดเรื่องหนึ่งคงหนีไม่พ้นกรณีของครอบครัววอน เอริคที่มักจะเสียสมาชิกในครอบครัวก่อนวัยอันควรเสมอ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คืออดีตแชมป์โลกอย่าง เคอร์รี่ วอน เอริคที่ครั้งหนึ่งเคยก้าวไปปล้ำอยู่ที่สมาคมเวิลด์เรสลิ่งเฟดเดอเรชั่นของวินซ์ แมคแมนในนามเท็กซัส ทอร์นาโด ก่อนที่สุดท้ายคำสาปของตระกูลมวยปล้ำชื่อดังนี้จะพรากชีวิตของเขาไปอย่างไม่มีวันกลับ                ชีวิตนักมวยปล้ำของ เคอร์รี่ วอน เอริคนั้นเริ่มต้นในปี 1978 ในฐานะลูกชายของอดีตแชมป์โลก 23 สมัยอย่างฟริตซ์ วอน เอริค ก่อนที่เขาจะได้เปิดตัวในสมาคมบิ๊กไทม์หรือเอนดับเบิ้ลยูเอสาขาเท็กซัสนั่นเอง ก่อนที่เขาจะไปสร้างชื่อเสียงในค่ายเวิลด์คลาสแชมป์เปี้ยนชิพเรสลิ่งพร้อมกับคว้าแชมป์สหรัฐอเมริกามาได้ในปี 1980 ด้วยการเอาชนะจีโน่ เฮอร์นาเดซได้สำเร็จ จนกระทั่งตระกูลมวยปล้ำชื่อดังนี้จะมาสร้างประวัติศาสตร์กับทีมฟรีเบิร์ดจนโด่งดังไปทั่วโลกตลอด 5 ปีหลังจากนั้น                ส่วนจุดสูงสุดของเคอร์รี่นั้นก็เกิดขึ้นในปี 1984 ที่เจ้าตัวสามารถคว้าแชมป์โลกมาจากเดอะเนเจอร์บอยริค แฟลร์ได้สำเร็จหลังจากที่ท้าชิงมาหลายครั้ง พร้อมกับอุทิศชัยชนะนี้ให้แก่พี่ชายอย่างเดวิดที่เสียชีวิตก่อนรายการนี้เพียงสามเดือนเท่านั้น หลังจากนั้นเพียงสองปีเท่านั้น เจ้าตัวก็เกิดอุบัติเหตุครั้งใหญ่จากการขับรถจักรยานยนต์จนต้องเสียเท้าขวาไปพร้อมปิดเรื่องนี้เป็นความลับ แต่ทว่าอาการบาดเจ็บครั้งนี้กลับส่งผลแก่ลูกชายคนสำคัญของตระกูลมวยปล้ำนี้อย่างไม่มีใครคาดคิด ชีวิตนักมวยปล้ำของ เคอร์รี่ วอน เอริคนั้นเริ่มต้นในปี 1978                หลังจากการผ่าตัดเท้าของเคอร์รี่นี้เองที่ทำให้อดีตแชมป์โลกต้องใช้ยาแก้ปวดจำนวนมากรวมถึงติดสารเสพย์ติดอีกด้วย จนกระทั่งในปี 1993 นั้นเขาจะถูกตำรวจจับในข้อหามีสารไว้ครอบครองและละเมิดคำสั่งที่เคยก่อไว้ในคดีครั้งแรกจนทำให้เขามีโอกาสติดคุกหลายปี ในที่สุดเคอร์รี่ก็เลือกที่จะจบชีวิตและตำนานของตระกูลมวยปล้ำไปอีกรายอย่างน่าเสียใจ

Continue Reading
กรงเหล็ก

กรงเหล็ก สตีลอะไซลัมนั้นจะเริ่มต้นด้วยการให้นักมวยปล้ำที่เข้าร่วมทั้งหมด

ข่าวกีฬาต่างประเทศแม้ว่าในวงการมวยปล้ำจะมีแมตช์ กรงเหล็ก อยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเฮลอินอะเซลล์ที่มีหลังคาปิดหรือจะเป็นสตีลเคจที่เป็น กรงเหล็ก เปิดอย่างที่หลายคนรู้จักกันดี แต่ทว่าในสมาคมทีเอนเอที่มักจะคิดค้นกติกาบนเวทีใหม่ๆ ขึ้นมา จนกระทั่งในปี 2008 ที่พวกเขาตัดสินใจนำไอเดียที่ต่อยอดมาจากค่ายเวิลด์แชมป์เปี้ยนชิพเรสลิ่งพร้อมให้เหล่านักมวยปล้ำเหินเวหานั้นมาสู้กันเพื่อหาคนที่อยู่รอดคนสุดท้ายและใช้ชื่อว่าสตีลอะไซลัมนั่นเอง                สำหรับกติกาของกรงเหล็กสตีลอะไซลัมนั้นจะเริ่มต้นด้วยการให้นักมวยปล้ำที่เข้าร่วมทั้งหมดขึ้นเวทีพร้อมกันและวิธีการเดียวที่จะเอาชนะก็คือปีนขึนไปบนหลังคาของกรงและลอดออกทางช่องกลางหลังคาเพื่อเอาชนะไป ซึ่งผู้ชนะคนแรกของแมตช์นี้ก็คือแฟรงค์กี้ คาซาเรียนที่สามารถคว้าสิทธิชิงแชมป์เอกซ์ดิวิชั่นไปได้พร้อมกับได้ปล้ำเป็นคู่เอกของรายการแซคคิไฟซ์ปี 2008 แทนที่เคิร์ท แองเกิ้ลที่ได้รับบาดเจ็บจนต้องถอนตัวไป                ส่วนกรงเหล็กครั้งที่น่าจดจำต่อมาจะเกิดขึ้นในปี 2010 ที่เหล่านักมวยปล้ำลีกเอกซ์ต้องมาสู้กันอีกครั้งในรายการอิมแพคที่จัดเป็นรายการสดครั้งแรกและมีการปรากฏตัวของเจฟฟ์ ฮาร์ดี้ในช่วงท้ายอีกด้วย โดยสุดท้ายผู้ชนะที่ถูกลืมวันนั้นจะเป็นโฮโมไซด์อดีตแชมป์เอกซ์ดิวิชั่นนั่นเอง ก่อนที่แมตช์นี้จะหายไปเพราะฮัล์ค โฮแกนและเอริค บิชอฟฟ์ไม่ได้สนใจในลีกของนักมวยปล้ำตัวเล็กเท่าไหร่นัก                น่าเสียดายที่แมตช์กรงเหล็กอย่างสตีลอะไซลัมจะไม่เกิดขึ้นอีก ด้วยเหตุผลทางสถานที่และตัวกรงที่ปีนได้ยากเกินไปสำหรับนักมวยปล้ำ ซึ่งจะเห็นได้ว่าทั้งเจย์ ลีทัลและคริสโตเฟอร์ เดเนี่ยลส์ที่เคยเป็นผู้ชนะนั้นต่างมีปัญหาในการปีนออกจากกรงเสมออีกทั้งเสี่ยงจะเกิดอันตรายกับคนที่อยู่ด้านล่างอีกด้วย

Continue Reading

มอร์ติส นักมวยปล้ำใส่หน้ากากที่มีเชื้อสายละตินชื่อเสียงในวงการมวยปล้ำ

ในช่วงปี 1997 นั้น ทางคริส แคนยอนได้เปลี่ยนบทบาทครั้งสำคัญของตัวเองและกลายเป็น มอร์ติส นักมวยปล้ำใส่หน้ากากที่มีเชื้อสายละติน ก่อนที่ชื่อเสียงของเขาจะเริ่มดีขึ้นจากความเท่ของนักมวยปล้ำหน้ากากกะโหลกนี้เอง จนกระทั่งวันหนึ่งเจ้าตัวได้เปลี่ยนบทบาทไปอยู่กับกลุ่มของเรเว่นและไดม่อน ดัลลาส เพจ และเปิดเผยกับผู้คนว่าเขาคือนักมวยปล้ำเกย์จนประสบปัญหาทางจิตเสมอมา ติดตามต่อได้ในข่าวกีฬาต่างประเทศ                จุดเริ่มต้นของคริส แคนยอนมาสู่ มอร์ติส เกิดขึ้นจากทางแคนยอนที่รับบทบทเป็นนักมวยปล้ำระดับล่างเท่านั้น จนกระทั่งเจ้าตัวได้เจมส์ วานเดนเบิร์กมาเป็นผู้จัดการส่วนตัวพร้อมสไตล์การปล้ำที่เร้าใจแฟนๆ ซึ่งทางนักมวยปล้ำแห่งความตายมักจะสู้กับกราเซียร์เสมอ จนกระทั่งในปี 1998 ที่เขาเริ่มหมดบทบาทและไปขอเข้าร่วมกลุ่มเดอะฟลอกกับเรเว่นแทน และเป็นจุดที่ทำให้เขาได้แสดงฝีมือออกมามากขึ้นอีกด้วย                จนกระทั่งเวลาผ่านไปและการล่มสลายของเวิลด์แชมป์เปี้ยนชิพเรสลิ่งมาถึง ทางอดีตมอร์ติสก็ได้ย้ายมาสู่ค่ายใหม่ที่เป็นคู่แข่งอย่างเวิลด์เรสลิ่งเอนเตอร์เทนเมนต์ในฐานะกลุ่มแอนไลแอนซ์หรือรวมศิษย์เก่าของค่ายอื่นนั่นเอง โดยในช่วงนี้เขากลับได้รับอาการบาดเจ็บหนักจากหัวเข่าและหัวไหล่จนกระทั่งเกือบเสียชีวิต รวมทั้งน้ำหนักลดลงไปมากถึง 15 กิโลกรัมด้วยกัน ก่อนที่ต่อมาเขาจะกลับมาปล้ำได้อีกเพียงปีเดียวพร้อมถูกไล่ออกไปเพราะเขาเป็นนักมวยปล้ำเกย์นั่นเอง มอร์ติส ได้ย้ายมาสู่ค่ายใหม่ที่เป็นคู่แข่ง                ในช่วงแรกที่เขาออกมาจากสมาคมใหญ่แล้วนั้น อดีตมอร์ติสได้เปิดเผยว่านั่นไม่ได้เป็นเพียงบทบาทในเรื่องเท่านั้น แต่แคนยอนเป็นนักมวยปล้ำเกย์ในชีวิตจริง โดยเจ้าตัวพยายามปิดบังมาตลอดพร้อมกับเป็นโรคไบโพลาร์ที่ทำให้เขาพยายามฆ่าตัวตายมาหลายครั้ง จนกระทั่งเขาเสียชีวิตลงจากการใช้ยาแก้ปวดมากเกินไปในปี 2010 พร้อมกับจดหมายสั่งลาให้กับครอบครัว ปิดตำนานไปอย่างน่าเสียใจ

Continue Reading