ไซม่อน โกเลคกี

ไซม่อน โกเลคกี ที่เตรียมจะขึ้นชกในรายการเคเอสดับเบิ้ลยู

น่าจะเป็นโอกาสอันดีของทาง ไซม่อน โกเลคกี ที่จะได้ขึ้นชกในรายการเคเอสดับเบิ้ลยูครั้งที่ 58 ในช่วงวันที่ 30 มกราคมปี 2021 ซึ่งจะเป็นคู่เอกร่วมกับการชิงแชมป์ฟีเธอร์เวทอีกด้วย โดยทางไซม่อนเคยเป็นถึงแชมป์โลกยกน้ำหนักมาก่อน รวมถึงเคยคว้าเหรียญทองโอลิมปิคมาแล้วเช่นกัน ซึ่งการขึ้นชกของเขาครั้งนี้จะได้เจอกับมาร์ติน ซาวาดาที่จะสู้กันในประเทศโปแลนด์จากการยืนยันของเจ้าหน้าที่ในสมาคมชื่อดังจากโปแลนด์และทวีปยุโรปอีกด้วย                ด้าน ไซม่อน โกเลคกี เองนั้นได้เริ่มขึ้นสู่วงการนักสู้ศิลปะป้องกันตัวนับตั้งแต่ตัวเขาได้ประกาศลาออกจากวงการยกน้ำหนักที่ตัวเขาเคยคว้าแชมป์โลกมาก่อน ซึ่งการเปลี่ยนมาเป็นนักสู้แล้วนั้นตัวเขาสามารถเอาชนะคู่แข่งได้มากถึง 8 ครั้งและพ่ายแพ้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น โดยการเอาชนะในสมาคมเคเอสดับเบิ้ลยูนั้นยังเป็นการจัดการคู่ต่อสู้ได้สองครั้งรวดผ่านการน็อคมาริอุส พัดเซียโนสกี อีกทั้งยังเอาชนะดาเมียน แจนิโคสกีได้อีกเช่นกันจากการขึ้นชกครั้งล่าสุดของทางไซม่อนกับวงการนี้ ไซม่อน โกเลคกี เองนั้นได้เริ่มขึ้นสู่วงการนักสู้ศิลปะป้องกันตัว                ซึ่งการชกครั้งต่อไปของทางไซม่อน โกเลคกีนั้นก็จะเป็นการเจอกับมาร์ติน ซาวาดาที่มีพี่ชายอย่างเดวิดที่ได้เซ็นสัญญากับทางยูเอฟซีไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งยังจะเป็นคู่เอกร่วมกับการชิงแชมป์ฟีเธอร์เวทของซาลาดีน พาร์เนสสีที่จะต้องป้องกันกับเดเนี่ยล ตอร์เรสนั่นเอง โดยสถิติไร้พ่ายของพาสเนสสีเองถือว่าเป็นหนึ่งในนักชกระดับสูงของทวีปยุโรปจากการเอาชระได้ 14 ไฟท์และเสมอเพียงครั้งเดียว นอกจากนี้ยังสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้มาห้าครั้งรวดในสมาคมเดียวกัน ซึ่งสองครั้งล่าสุดเป้นการชิงแชมป์ฟีเธอร์เวทที่ตัวเองครองอยู่                นับว่าเป็นชีวิตที่สดใสไม่น้อยสำหรับทางไซม่อน โกเลคกีที่สามารถเปลี่ยนตัวเองจากการเป็นนักยกน้ำหนักสู่นักชกศิลปะป้องกันตัว ซึ่งเจ้าตัวได้กลายเป็นคู่เอกร่วมในสมาคมเคเอสดับเบิ้ลยูที่นับว่าเป็นค่ายใหญ่ในทวีปยุโรป รวมถึงชัยชนะครั้งหน้าของเขาอาจจะมีโอกาสทำให้เจ้าตัวได้ชิงแชมป์หรือเป็นคู่เอกในอนาคตนั่นเอง ติดตามกีฬาต่าง ๆ มากมายได้ที่ ข่าวกีฬาต่างประเทศและข่าวกีฬาทั่วไป

Continue Reading
แคท เมอร์ชานท์

แคท เมอร์ชานท์ แชมป์โลกกับอาการบาดเจ็บที่สมองด้วยอายุเพียง 28 ปี

               เป็นข่าวร้ายของวงการรักบี้อยู่เสมอ เมื่อล่าสุดทางแชมป์โลกอย่าง แคท เมอร์ชานท์ ได้ออกมาเรียกร้องให้สมาคมดูแลสุขภาพของนักแข่งที่เกษียณตัวเองไปแล้ว หลังจากที่เธอก็มีอาการกระทบกระเทือนทางสมองอยู่หลายครั้งจากการแข่งขัน ซึ่งจากการวิจัยของเฮดเวย์นั้นได้เปิดเผยว่า ตัวนักกีฬาเพศหญิงนั้นมีโอกาสจะได้รับอาการบาดเจ็บมากกว่าเพศชายอยู่หลายเท่าเลยทีเดียว โดยเจ้าตัวนั้นได้ลาจากสนามไปด้วยอายุเพียง 28 ปีเท่านั้นในปี 2014 จากอาการบาดเจ็บของเธอมากกว่า 11 ครั้งในอาชีพตลอด 14 ฤดูกาล                จากการเปิดเผยของ แคท เมอร์ชานท์ นั้นเธอได้ออกมายอมรับว่าตัวเองมีอาการรับรู้สิ่งต่างๆ ลดลง ซึ่งตัวเองนั้นไม่สามารถทำกิจกรรมในชีวิตประจำของเธอได้อย่างปกติโดยไม่มีอาการปวดหัวเลยทีเดียว นอกจากนี้เธอยังมีอาการติดอ่างกับหลงลืมคำพูดต่างๆ ระหว่างสนทนาเช่นกัน นอกจากนี้ในประแสปัจจุบันนั้นทางอดีตแชมป์โลกอีกคนอย่างสตีฟ ธอมป์สันก็ได้นำเหล่านักรักบี้มารวมตัวกันเพื่อฟ้องเหล่าผู้บริหารจากอาการกระทบกระเทือนทางสมองของพวกเขา แต่ดูเหมือนว่าทางแชมป์หญิงคนนี้จะเห็นต่างออกไป แคท เมอร์ชานท์ นั้นเธอได้ออกมายอมรับว่าตัวเองมีอาการรับรู้สิ่งต่าง ๆ ลดลง                สิ่งที่แคท เมอร์ชานท์ออกมาเสนอก็คือสวัสดิการของเหล่านักแข่งที่ดีกว่าเดิม โดยเฉพาะเมื่อพวกเขาเหล่านั้นได้เกษียณตัวเองจากสนาม ซึ่งเธอได้เปิดเผยว่า สำหรับคนที่ลาจากสนามไปแล้วนั้นจะมีความรู้สึกว่า พวกเขามีความสุขที่ได้ลงเล่นมาตอดหลายปี แต่มันถึงเวลาที่พวกเขาต้องบอกลาแล้ว ส่วนหนึ่งที่เธอต้องการความช่วยเหลือก็คือเธอเองที่ต้องปประกาศเลิกแข่งตั้งแต่อายุยังน้อยเพียง 28 ปีนั้นก็เริ่มรู้สึกสูญเสียตัวต้นไปและตัวเธอเองก็ต้องการความช่วยเหลือในด้านของสภาพจิตใจ นอกเหนือจากร่างกายอีกด้วย                คงจะพูดได้ว่าสิ่งที่แคท เมอร์ชานท์พยายามเสนอออกมาก็เป็นเรื่องจริงอยู่ไม่น้อย เนื่องจากผู้เล่นที่เกษียณหลายคนอาจไม่ได้มีอาการกระทบกระเทือนทางสมองกันทุกคน แต่ทว่าการให้ความช่วยเหลือแก่คนที่บอกลาวงการรักบี้ไปนั้นอาจช่วยให้พวกเขามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น รวมถึงสภาพจิตใจที่อดีตแชมป์โลกยอมรับอีกว่า เคยต้องนั่งร้องไห้เพราะไม่ได้ทำในสิ่งที่เธอทำมาตลอดได้อีกแล้วนั่นเอง ติดตามข่าวกีฬาหลากหลายแนวได้ที่ข่าวกีฬาต่างประเทศและข่าวกีฬาทั่วไป

Continue Reading
แอนโธนี่ โจชัว

แอนโธนี่ โจชัว กับ ไทสัน ฟิวรี่ ที่เคยลองมือกันมาแล้วอย่างดุเดือด

จัดว่าเป็นไฟท์ที่หลายคนต้องการจะชมอย่างมาก สำหรับการเจอกันระหว่างไทสัน ฟิวรี่กับ แอนโธนี่ โจชัว ที่จะเป็นการชิงแชมป์สมาคมมวยโลกถึงสี่สถาบันอย่างดับเบิ้ยูบีโอที่ทางไทสันถืออยู่ ส่วนไอบีเอฟ ดับเบิ้ยยูบีซีและดับเบิ้ลยูบีเอนั้นเป็นทางนักชกรุ่นน้องถืออยู่ นอกจากนี้ทางไทสันยังออกมาพูดถึงอดีตว่าตัวเขาเคยประลองฝีมือกับแชมป์โลกสามสถาบันคนนี้มาแล้วในสมัยที่เจ้าตัวยังเป็นมือสมัครเล่นอยู่ในชมรมมวยแห่งหนึ่งในปี 2010 หรือสิบปีก่อนที่พวกเขาจะมีโอกาสปะทะกันขึ้นมาจริงๆ นั่นเอง                ทางไทสัน ฟิวรี่ได้พูดถึงเหตุการณ์นั้นว่า ตัเวขาไปได้ยังชมรมมวยปล้ำฟินชเลย์และเจอกับแชมป์มวยสมัครเล่นเอบีเออย่าง แอนโธนี่ โจชัว ที่เขามีผลงานที่ร้อนแรงอย่างมาก นอกจากนี้เขายังเชื่อว่าในเวลานั้นจะสามารถจัดการนักชกรุ่นน้อองได้อย่างสบายๆ เพราะตัวเองก็เนชป็นมืออาชีพ ส่วนอีกฝ่ายเป็นมือสมัครเล่นเท่านั้น และแอนโธนี่เองก็คงสู้ไม่ได้แน่นอนเมื่อเขาตั้งใจจะเอาจริงขึ้นมา ซึ่งในไฟท์นั้นนักชกรุ่นน้องรีบพุ่งเข้ามาหาเขาและรัวหมัดดต่อยซ้ายขวา อีกทั้งยังปล่อยหมัดอัพเพอร์คัทใส่คางเข้าอย่างจังอีกด้วย แอนโธนี่ โจชัว ถือว่ามีฝีมืออย่างมากและยังอายุน้อยอีกด้วย                โดยทางไทสัน ฟิวรี่เองก็ยอมรับว่า ถ้าเขาเป็นพวกคางอ่อนก็คงจะโดนน็อคยาวข้ามเดือนไปเลยทีเดียว ในเวลานั้นทางแอนโธนี่ โจชัวถือว่ามีฝีมืออย่างมากและยังอายุน้อยอีกด้วย เขาจึงเชื่อว่านี่จะเป็นนักชกแห่งอนาคตเลยทีเดียว ส่วนหนึ่งก็เพราะตัวของไทสันเองก็ชื่อว่าตัวเองมีความสามารถพอจะกลายเป็นดาวดังของวงการมวยได้ ซึ่งตัวเขายังจดจำเหตุการณ์นั้นได้ว่า เจ้าหนูสมัครเล่นคนนี้ต้อกวารจะฆ่าเขาในสังเวียน จนกระทั่งตัวเขาต้องปล่อยเข้าที่ลำตัวของแอนโธนี่เพื่อหยุดการโจมตีลงบ้างและการชกเรียกเหงื่อครั้งนั้นก็จบลงในสามยกพร้อมกับคำชมของไทสันนั่นเอง                นับว่าทางไทสัน ฟิวรี่ก็คงจะรู้จักฝีมือของนักชกรุ่นน้องดีอยู่แล้วว่าสามารถทำอะไรได้บ้างและหากทั้งสองสู้กันจริงๆ ก็คงเป็นไฟท์ที่น่าสนุกของทั้งคู่หลังจากที่เคยลองมือกันมาแล้วในอดีต แต่ทว่าหากเป็นการแข่งในสังเวียนจริงนั้นแอนโธนี่ โจชัวก็คงจะไม่ปล่อยรุ่นพี่ที่เคยสู้กันในอดีตออกไปง่ายๆ เหมือนกับเรเองในปี 2010 ที่เจ้าตัวยังป็นเพียงแต่นักชสมัครเล่อย่างแน่นอนเลยทีเดียว ติดตามข่าวกีฬาอื่นๆได้ที่ข่าวกีฬาต่างประเทศ

Continue Reading
ทีมเรดบูล

ทีมเรดบูล ที่ส่งสัญญานถึงทีมแชมป์โลกอย่างเมอร์ซิเดสในการแข่งขัน

ถือเป็นการส่งท้ายปีที่น่ายินดีของ ทีมเรดบูล เมื่อนักขับอย่างแมกซ์ แวร์สแทพเพนได้คว้าชัยในรายการอาบูดาบีได้สำเร็จ เหนือนักแข่งอย่างลูวิส แฮมิลตันที่เป็นแชมป์โลกจากทีมเมอร์ซิเดสไปได้อย่างสวยงาม โดยนักแข่งชาวดัตช์นั้นสามารถทำผลงานได้เหนือนักแข่งอีกคนอย่างเซบาสเตียน เวทเทลที่เคยอยู่ทีมเฟอร์รารี่มาก่อนในช่วงสามที่แล้ว ส่วนแมกซ์เองที่เคยสามารถคว้าแชมป์โลกได้ถึงสี่สมัยในช่วงเวลาต้นยุค 2010 นั้นก็ไม่ได้มีผลงานที่ดีในฤดูกาลที่ผ่านมาเช่นกัน แต่เหมือนว่าสถานการณ์อย่างเปลี่ยนไปแล้ว                ย้อนไปในปี 2014 นั้นทาง ทีมเรดบูล ก็เริ่มเจอกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อการแข่งขันจำเป็นต้องใช้เครื่องยนต์แบบไฮบริดดจนทำให้รถของพวกเขาไม่แข็งแกร่งอย่างเคย รวมถึงการมาของลูวิส แฮมิลตันที่ทำให้ทีมของเขากลายเป็นจ้าวแห่งสนามขึ้นมา ส่วนผลงานของทีมกระทิงก็ไม่กลับมาเป็นอย่างเคยนับตั้งแต่นั้น โดยเฉพาะเมื่อมองย้อนกลับไปนั้นทีมจากเครื่องดิ่มก็มักจะเริ่มต้นฤดูกาลได้ไม่ดี จนกระทั่งเริ่มพัฒนาตัวเองขึ้นมาเรื่อยๆ ก่อนที่จะมีแสดงผลงานดีในช่วงท้ายฤดูกาลแทนจนพวกเขาหวังว่าในปีหน้าอาจเป็นเวลาของพวกเขาแล้ว                แม้ว่าชัยชนะของทีมเรดบูลจากฝีมือของแมกซ์ แวร์สแทพเพนนั้นอาจไม่มีใครคาดไว้ก่อนก็ตาม แต่ทีมของเขานั้นก็เริ่มค่อยๆ ก้าวขึ้นมาเทียบชั้นกับทีมเมอร์ซิเดสอยู่ช่วงหนึ่งแล้ว ย้อนไปในรายการอย่างเอมิเลีย โรแมกน่าที่ทางแมกซ์เองก็เกือบจะแซงเวทเทลได้ แต่ทว่ากลับมีปัญหากับตัวรถเสียก่อนจนต้องแพ้ไปอย่างน่าเสียดาย รวมถึงในรายการที่ประเทศตุรกีที่ทางแมกซ์ต้องการจะอาศัยผิวสนามที่ลื่นกว่าปกติเพื่อเอาชนะในการแข่งขันนี้ แต่ก็ไปชนกับเซอร์จิโอ เฟเรสจนตัดโอกาสตัวเองไปอีกครั้งหนึ่ง ชัยชนะของ ทีมเรดบูล จากฝีมือของ แมกซ์ แวร์สแทพ                หลังจากที่ทางทีมเรดบูลได้แค่เกือบเอาชนะมาได้หลายครั้งนั้น พวกเขาก็ประสบความสำเร็จส่งท้ายปีเข้าจนได้ ส่วนทางทีมเมอร์ซิเดสนั้นคงจะต้องเป็นห่วงทางแชมป์โลกอย่างลูวิส แฮมิลตันว่าพร้อมที่จะแข่งขันต่อไปหรือไม่ หลังจากที่เขายังไม่มีสภาพร่างกายที่สมบูรณ์เพราะเคยติดไวรัสโควิดนั่นเอง ติดตามข่าวกีฬาต่างประเทศและข่าวกีฬาทั่วไป

Continue Reading
คลาเรสซ่า ชิลด์

คลาเรสซ่า ชิลด์ กับการผันตัวเข้าสู่วงการต่อสู้ในกรงอย่างจริงจัง

เป็นอีกก้าวหนึ่งของอาชีพนักสู้จากทางแชมป์โลกถึงสามรุ่นอย่าง คลาเรสซ่า ชิลด์ ที่เตรียมจะผันตัวไปลงแข่งขันแบบศิลปะป้องกันตัว พร้อมกับต้องการสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นแชมป์โลกของกีฬาทั้งสองพร้อมกันอีกด้วย โดยทางนักกีฬาโอลิมปิกสองสมัยรวดนั้นยังมีสถิติที่สวยงามในการชกแบบมืออาชีพด้วยการเอาชนะได้มากถึง 10 ไฟต์รวด พร้อมต้องการจะเปลี่ยนไปหาความท้าทายใหม่นั่นเอง                การเปลี่ยนเส้นทางกีฬาของ คลาเรสซ่า ชิลด์ นั้นก็เริ่มต้นจากการเข้าร่วมในพีเอฟแอลหรือลีกนักสู้มืออาชีพที่เธอได้เปิดเผยว่า เธอต้องการจะทำในสิ่งที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อนและนั่นก็คือครองตำแหน่งแชมป์โลกในกีฬามวยอาชีพและศิลปะป้องกันตัวในเวลาเดียวกันนั่นเอง ซึ่งเธอเองก็มีต้นแบบอย่างโบ แจ็คสันและดีออน แซนเดอส์ที่สามารถเอาดีได้ถึงกีฬาทั้งสองประเภทอย่างเบสบอลกับอเมริกันฟุตบอลอีกด้วย                เมื่อย้อนเวลากลับไปตั้งแต่ที่คลาเรสซ่า ชิลด์ได้กลายเป็นนักกีฬามืออาชีพแล้วนั้น เธอก็มีเป้าหมายเดียวเท่านั้น ซึ่งนั้นก็คือการเป็นผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาลและต้องการเป็นนักกีฬาแบบแจ็คสันกับแซนเดอร์อีกด้วย สิ่งที่ทำให้เธอสนใจในลีกพีเอฟแอลนั้นก็คือการเป็นองค์กรที่เน้นการต่อสู้เป็นหลัก โดยที่เธอเองก็รอคอยที่จะแสดงฝีมือในการต่อสู้แบบนี้แล้ว รวมถึงจะเริ่มเข้าร่วมลีกในปี 2022 คลาเรสซ่า ชิลด์ นั้นก็เริ่มต้นจากการเข้าร่วมในพีเอฟแอลหรือลีกนักสู้มืออาชีพ                หากทางคลาเรสซ่า ชิลด์สามารถทำได้อย่างที่เธอว่าไว้นั้นก็อาจเป็นจุดเริ่มต้นของตำนานนักชกหญิงคนนี้อย่างแน่นอน เนื่องจากมีนักสู้ศิลปะป้องกันตัวอยู่ไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถก้าวไปถึงจุดสูงสุดของวงการต่อสู้อย่างจริงจังทั้งสอง ซึ่งไม่นับกีฬามวยปล้ำที่มีอดีตแชมป์โลกมากมายเข้าไปต่อยอดประสบความสำเร็จมาแล้วเช่นกัน ติดตามต่อในข่าวกีฬาต่างประเทศ

Continue Reading
ไมค์ ไทสัน

ไมค์ ไทสัน กับการเป็นแชมป์ตอนอายุน้อยแต่เจ้าตัวกลับยอมรับว่าการประสบความสำเร็จเร็วเกินไป

แม้ว่าชื่อของ ไมค์ ไทสัน จะแจ้งเกิดในฐานะแชมป์เฮฟวี่เวทตั้งแต่อายุยังน้อยก็ตาม แต่เจ้าตัวกลับยอมรับว่าการประสบความสำเร็จเร็วเกินไปนั้นได้ส่งผลเสียกับเขาต่อด้านอารมณ์อย่างมาก โดยเขาไม่รู้สึกว่าพร้อมเลยและยังคิดว่าช่วงเวลาก่อนที่เขาจะคว้าแชมป์นั้นคือช่วงที่ดีที่สุดในอาชีพนักชกมวยของเขาอีกด้วย ส่วนในปัจจบันนั้นเขาจะมีคิวขึ้นชกกับตำนานมวยอีกคนอย่างรอย โจนส์ จูเนียร์ ติดตามต่อในข่าวกีฬาต่างประเทศ                เมื่อย้อนกลับไปถึงช่วงที่เขายังประสบความสำเร็จอย่างมากนั้น ทาง ไมค์ ไทสัน เองก็ยังรู้สึกว่าช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตเขาเกิดขึ้นก่อนปี 1986 ที่เจ้าตัวประสบความสำเร็จสูงสุด ซึ่งเขาได้ให้สัมภาษณ์กับเอ็ดดี้ เฮิร์นจากสำนักข่าวบีบีซีว่า ช่วงที่ดีที่สุดของชีวิตเขาคือการจะคว้าแชมป์เฮฟวี่เวทมาครอง เพราะตอนที่เขาทำสำเร็จนั้น ชีวิตเขาก็เปลี่ยนแปลงไปเพราะมันไม่ยังไม่ถึงเวลาของมัน จนกระทั่งอารมณ์ได้พาชีวิตของเขาไปอีกทางนั่นเอง                สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากการคว้าแชมป์โลกของไมค์ ไทสันก็คือพฤติกรรมเกเรของเจ้าตัว ทั้งการกัดหูของอีวานเดอร์ โฮลีฟิวด์ คดีกระทำชำเราผู้หญิงจนทำให้เขาถูกตัดสินให้จำคุกถึง 6 ปี นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการติดยาเสพย์ติดจนทำให้ชื่อเสียงของเขาเสียหายอย่างมาก ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงของชีวิตเมื่อเจ้าตัวอายุมากขึ้น แม้ว่าเขาจะยอมรับว่าความเป็นเด็กชายในตัวของเขานั้นยังมีอยู่ในปัจจุบันก็ตาม ปัจจุบันของ ไมค์ ไทสัน นั้นก็จะกลับมาขึ้นชกอีกครั้งในการเจอกับรอย โจนส์ จูเนียร์                ส่วนปัจจุบันของไมค์ ไทสันนั้นก็จะกลับมาขึ้นชกอีกครั้งในการเจอกับรอย โจนส์ จูเนียร์ ซึ่งจะเป็นการชกแบบกระชับมิตรและมีกฎกติกาที่เปลี่ยนไป อย่างการชกยกละ 2 นาทีแทนที่จะเป็น 3 นาทีแบบนักกีฬาทั่วไป รวมถึงการพยายามไม่น็อคคู่ต่อสู้เนื่องจากสภาพร่างกายของทั้งอดีตแชมป์เฮฟวี่เวททั้งสองคนนั่นเอง

Continue Reading
ลูอิส แฮมมิลตัน

ลูอิส แฮมมิลตัน ที่เพิ่งจะคว้าแชมป์โลกได้ไม่นาน ขณะที่โลกทั้งใบยังคงติดอยู่กับภาวะโควิด

ข่าวกีฬาล่าสุดจะบอกว่าเป็นชายที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในฐานะนักแข่งรถก็ว่าได้ สำหรับทาง ลูอิส แฮมมิลตัน ที่เพิ่งจะคว้าแชมป์โลกได้ไม่นาน ขณะที่โลกทั้งใบยังคงติดอยู่กับภาวะโควิดที่สร้างความเดือดร้อนไปทั่วโลก โดยทางนักแข่งคนนี้จะต้องเปลี่ยนวิถีชีวิตไปอย่างมาก จากเดิมที่จะต้องเดินทางไปรอบโลก แต่ปัจจุบันเขาตองคอยแข่งอยู่แต่ในทวีปยุโรปเป็นส่วนใหญ่นั่นเอง                สำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ทาง ลูอิส แฮมมิลตัน เองก็มองว่า ในที่สุดเขาก็มีโอกาสได้อยู่กับที่เสียทีและได้ใช้เวลามากกว่าหนึ่งสัปดาห์โดยที่ไม่ต้องไปไหนหลังจากที่แข่งขันเสร็จ ซึ่งตัวเขายอมรับว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในชีวิตของเขาและนับว่ามันเป็นเรื่องดี แม้ว่าเขาจะเสี่ยงและเจอกับเรื่องท้าทายมากกว่าเดิมก็ตาม โดยเขาเชื่อว่าทุกคนบนโลกก็กำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายในรูปแบบต่างๆ เช่นกัน                สิ่งหนึ่งที่ทำให้ทางลูอิส แฮมมิลตันได้เปลี่ยนไปมากเลยก็คือการที่จะต้องถูกกักตัวเพื่อกับการแพร่เชื้อไวรัสโควิด ซึ่งในเวลานี้เองที่ทำให้เขาได้ทำสมาธิพร้อมกับได้มีเวลาคิดทบทวนสิ่งอื่นๆ ทั้งการหาความสุขให้กับตัวเอง ความสงบต่างๆ รวมทั้งการค้นหาจุดอ่อนของตัวเขาในระหว่างการฝึก โดยเขาเองก็ต้องแยกตัวออกจากสังคมเป็นระยะเวลาหนึ่งจนเข้าใจตัวเองมากขึ้นอีกด้วย ลูอิส แฮมมิลตัน เองก็มองว่า ในที่สุดเขาก็มีโอกาส                จะบอกว่าเป็นโชคดีของลูอิส แฮมมิลตันก็ได้ที่บังเอิญต้องมาเจอกับปัญหาเรื่องการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดเหมือนกับทุกคนบนโลก จนทำให้เขานั้นได้มีโอกาสเปลี่ยนแปลงตัวเองและการพยายามปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตจนประสบความสำเร็จสูงสุดอีกครั้งในช่วงเวลาที่ทั้งโลกก็ลำบากไม่แพ้กันนั่นเอง

Continue Reading
แมตต์ ริดเดิ้ล

แมตต์ ริดเดิ้ล ซึ่งได้ย้ายไปอยู่สังกัดรอว์ในช่วงดราฟต์ที่ผ่านมา โดยเจ้าตัวได้มีโอกาสขึ้นปล้ำกับอดีตแชมป์โลก

เป็นการผลักดันที่แปลกประหลาดอยู่พอสมควร สำหรับกรณีของ แมตต์ ริดเดิ้ล ซึ่งได้ย้ายไปอยู่สังกัดรอว์ในช่วงดราฟต์ที่ผ่านมา โดยเจ้าตัวได้มีโอกาสขึ้นปล้ำกับอดีตแชมป์โลกอย่างเชมัสและทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมจนทางวินซ์ แมคแมนเริ่มให้ความสนใจและต้องการจะผลักดันนักมวยปล้ำสายอาร์ทคนนี้ในอนาคตอันใกล้ โดยมีจุดเริ่มต้นจากการถอดชื่อจริงอย่างแมตต์ ออกไปแบบที่แฟนๆ ยังคงไม่เข้าใจอีกด้วยติดต่ามต่อในข่าวกีฬาต่างประเทศ                แมตต์ ริดเดิ้ล นั้นได้เริ่มต้นเข้าสู่วงการมวยปล้ำหลังจากที่เขาลาออกจากวงการศิลปะป้องกันตัวในปี 2014  โดยเขาได้เปิดตัวในการปล้ำครั้งแรกในปี 2015  พร้อมกับสร้างชื่อเสียงผ่านสมาคมอิสระต่างๆ อย่างอีโวฟและโปรเรสลิ่งเกอร์ริล่า ซึ่งเขาก็ประสบความสำเร็จด้วยการเป็นแชมป์โลกของเวิลด์เรสลิ่งเน็ตเวิร์กหนึ่งสมัยและแชมป์โลกของอีโวฟอีกหนึ่งสมัยด้วยกัน ก่อนที่ต่อมาเขาจะย้ายมาสู่ค่ายเอนเอกซ์ทีในปี 2018 `              หลังจากที่ริดเดิ้ลได้เข้ามาอยู่ในบริษัทของวินซ์ แมคแมนแล้ว เขาก็ได้เริ่มต้นในค่ายพัฒนาทักษะอย่างเอนเอกซ์ทีทันที โดยเขาเคยมีโอกาสได้ชิงแชมป์เอนเอกซ์ทีและแชมป์ทวีปอเมริกาเหนือ แต่ทว่าเขาไม่เคยประสบความสำเร็จเลย จนกระทั่งเปลี่ยนมาจับคู่กับพีท ดันน์และสามารถคว้าแชมป์แทคทีมของค่ายมาครอง ก่อนที่ต่อมาเขาจะถูกเรียกตัวขึ้นมาปล้ำในค่ายสแมคดาวน์ที่กำลังมาแรงแทน                ด้วยการขึ้นไปสู่ค่ายที่ใหญ่กว่าเดิม ทำให้ทางริดเดิ้ลถูกตัดชื่อแมตต์ออกไปในที่สุด เนื่องจากทางวินซ์ แมคแมนต้องการจะให้เขามีบทบาทที่จริงจังมากขึ้น รวมทั้งเรื่องราวของสังเวียนที่เขามีข่าวพัวพันกับคดีล่วงละเมิดทางเพศกับนักมวยปล้ำหญิงจนโดนฟ้องอยู่อีกด้วย

Continue Reading
เล็กซ์ ลูเกอร์

เล็กซ์ ลูเกอร์ นั้นถือว่าเป็นที่รู้จักของแฟนมวยปล้ำในยุค 80 และ 90 อยู่พอสมควร

ข่าวกีฬาต่างประเทศวันนี้ขอเสนอชื่อของ เล็กซ์ ลูเกอร์ นั้นถือว่าเป็นที่รู้จักของแฟนมวยปล้ำในยุค 80 และ 90 อยู่พอสมควร จากบทบาทของชายงามที่มีรูปร่างดีกว่าคนอื่นเพราะเขาเคยเป็นนักเพาะกายมาก่อน แต่ทว่าหลังจากที่เขาไปอยู่ในค่ายของวินซ์ แมคแมนนั้นเขากลับถูกเปลี่ยนบทบาทจากชายผู้หลงตัวเองกลายเป็นฮัล์ค โฮแกนคนที่สองที่เน้นความรักชาติอเมริกันเป็นหลักจนทำให้เขาไม่เป็นที่ยอมรับของแฟนๆ จนต้องย้ายกลับค่ายเก่าในที่สุด                ที่จริงแล้วความสำเร็จของ เล็กซ์ ลูเกอร์ นั้นเริ่มต้นขึ้นในปี 1990 เมื่อเขามีคิวชิงแชมป์โลกเฮฟวี่เวทกับริค แฟลร์ แต่ทว่าแฟลร์ได้ลาออกจากสมาคมไป ทำให้ต้องมีการหาแชมป์คนใหม่ ก่อนที่ทางเล็กซ์จะเอาสามารถเอาชนะแบร์รี่ วินด์แฮมพร้อมคว้าแชมป์สูงสุดไปครองได้สำเร็จ แต่หลังจากที่เขาเสียแชมป์ให้สติงนั้น เจ้าตัวก็ต้องการที่จะย้ายไปเอาด้านการเพาะกายรวมทั้งเซ็นสัญญากับค่ายของวินซ์ แมคแมนแทน                ถึงแม้ว่าการเซ็นสัญญาของเล็กซ์ ลูเกอร์จะใช้เพื่อเข้าวงการเพาะกายก็ตาม แต่ทว่าเขากลับประสบอุบัติเหตุจากรถจักรยานยนต์จนทำให้เขาไม่ได้ลงประกวดอีกต่อไป หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้กลับสู่วงการมวยปล้ำอีกครั้งในฐานะชายงาม ก่อนที่จะโดนพลิกบทบาทเป็นอเมริกันฮีโร่แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ จนกระทั่งต้องกลับไปอยู่สมาคมเวิลด์แชมป์เปี้ยนชิพเรสลิ่ง พร้อมกับคว้าแชมป์โลกมาจากฮัล์ค โฮแกนได้อีกด้วย                น่าเสียดายที่สุดท้ายแล้วเล็กซ์ ลูเกอร์ก็มีโอกาสเป็นแชมป์โลกเพียงสองสมัยและมีช่วงเวลาที่ดีที่สุดจากการปล้ำในลีคแทคทีมคู่กับสติง โดยบทบาทชายงามที่เขาใช้มาตลอดนั้นก็ต้องจบลงไปในปี 2007 ที่เขาเกิดอาการป่วยอย่างรุนแรนจนเป็นอัมพาตไปชั่วคราว แม้ว่าเขาจะรักษาตัวจนกลับมาเดินได้อีกครั้งแล้วก็ตาม

Continue Reading
ไซโคซิด

ไซโคซิด หรือซิดวิเชียสอดีตแชมป์โลกสองสมาคม ซึ่งเกิดอุบัติเหตุที่น่ากลัวขณะปล้ำ

ข่าวต่างประเทศวันนี้หากพูดถึงอาการบาดเจ็บที่น่ากลัวของวงการมวยปล้ำนั้น หลายคนคงต้องนึกถึงเหตุการณ์ของ ไซโคซิด หรือซิด วิเชียสอดีตแชมป์โลกสองสมาคม ซึ่งเกิดอุบัติเหตุที่น่ากลัวขณะปล้ำจนขาซ้ายหักกลางเวทีและต้องเลิกปล้ำอย่างเต็มตัวทันทีในปี 2001 โดยที่เจ้าตัวนั้นก็ไม่ได้ต้องการใช้ท่ามวยปล้ำดังกล่าวอีกด้วย แต่ด้วยความกดดันของสมาคมเวิลด์แชมป์เปี้ยนชิพเรสลิ่งที่ต้องการกอบกู้ชื่อเสียงของตัวเองได้ทำให้เขาต้องเจอกับเหตุการณ์ไม่น่าจดจำในชีวิต                ในรายการแรกของปี 2001 อย่างซินที่ตั้งชื่อตามบาปทั้งเจ็ดประการนั้น ทาง ไซโคซิด มีคิวต้องขึ้นท้าชิงแชมป์เฮฟวี่เวทของสมาคมที่มีสก็อต สไตเนอร์เป็นเจ้าของตำแหน่งพร้อมกับเจฟฟ์ จาร์เร็ตและนักมวยปล้ำปริศนาหนึ่งคน จนกระทั่งในช่วงเริ่มแมตช์นั้นทั้งสามคนแรกจะต้องสู้กันเองก่อน หลังจากที่นักมวยปล้ำปริศนายังไม่มาปรากฏตัว ซึ่งท้ายแมตช์นั้นทางซิดก็ขึ้นเชือกมุมเวทีแล้วตั้งใจจะถีบสไตเนอร์ ทว่าขาข้างซ้ายนั้นรับน้ำหนักของเขาไม่ไหวและหักเป็นสองท่อนทันที                หลังจากที่ไซโคซิดได้รับบาดเจ็บบนเวทีนั้น ทางนักมวยปล้ำปริศนาก็ต้องรีบเปิดตัวทันทีและเขาก็คือแอนนิมอลจากแทคทีมโร้ด วอร์ริเออร์นั่นเอง ก่อนที่แมตช์จะรีบตัดจบด้วยการให้สไตเนอร์มากดซิดที่ขยับตัวไม่ได้แล้วให้นับสามไป ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้สมาคมต้องเสียอดีตแชมป์โลกคนสำคัญที่ต้องไปพักรักษาตัวและเลิกปล้ำนานหลายปี โดยเจ้าตัวได้ออกมาเปิดเผยว่าเขาถูกบังคับจากทีมงานให้ลองใช้ท่ากลางอากาศดูบ้างจนเป็นที่มาของอุบัติเหตุนี้นั่นเอง ไซโคซิด มีคิวต้องขึ้นท้าชิงแชมป์เฮฟวี่เวทของสมาคม                โชคยังดีสำหรับไซโคซิดที่ยังสามารถกลับมาเดินและขึ้นปล้ำได้อีกครั้ง หลังจากที่รักษาและกายภาพบำบัดนานถึงสามปี ก่อนที่เขาจะมีโอกาสกลับมาปล้ำในรายการรอว์อีกครั้งในปี 2012 ด้วยการเอาชนะฮีท สเลเตอร์ไปได้ ก่อนที่อดีตแชมป์โลกคนนี้จะปิดฉากอาชีพไปในปี 2017 ในวัย 56 ปี

Continue Reading