แอนเดอสัน ซิลวา

แอนเดอสัน ซิลวา จากแชมป์ไร้พ่ายสู่ชายที่ผู้โชคร้ายของวงการมวยยูเอฟซี

หากพูดถึงตำนานของวงการมวยยูเอฟซี หลายคนก็คงต้องคุ้นหน้ากับชายที่ชื่อว่า แอนเดอสัน ซิลวา กันมาบ้างแล้ว หลังจากที่เจ้าตัวเคยเป็นแชมป์มิดเดิ้ลเวทของสมาคมมาเป็นระยะเวลานาน แต่ทว่าหลังจากที่เขาเป็นแชมป์ผู้ไร้พ่ายมานานจนเกินไป ก็ทำให้ซิลวาเริ่มประมาทคู่ต่อสู้จนต้องเสียแชมป์ที่เคยคาดกันว่า เขาจะไม่มีวันเสียจนถึงเวลาเกษียณตัวเอง ไปจนถึงอาการบาดเจ็บและขาหักกับไฟท์ระหว่างคริส วีดเดอร์ที่ทำให้เขาสูญเสียตัวตนและไม่กลับมาเป็นคนเดิมอีกเลย                ในวันที่ แอนเดอสัน ซิลวา อยู่บนจุดสูงสุดของสมาคมยูเอฟซีก็คงหนีไม่พ้นปี 2006 ที่เขาสามารถเอาชนะริช แฟรงคลินมาได้และกลายเป็นแชมป์โลกรุ่นมิดเดิ้ลเวทคนใหม่ของสมาคม ก่อนที่รูปแบบการชกของเขาจะเริ่มเปลี่ยนแปลงไป จากเดิมที่ใช้ความเร็วในการโจมตีคู่ต่อสู้ กลับเปลี่ยนเป็นการเลือกที่จะหลบคู่แข่งแทนในช่วงเวลาที่เขาเชื่อว่าทำคะแนนเหนือคู่ต่อสู้อยู่จนทำให้ซิลวามักจะเอาชนะคะแนนได้เสมอและป้องกันแชมป์ไปได้ แม้ว่าเจ้าของสมาคมอย่างดาน่า ไวท์จะไม่ได้พอใจนักชกชาวบราซิลนี้นัก เนื่องจากสู้ได้ไม่สมศักดิ์ศรีของแชมป์นั่นเอง แต่ทว่าวันที่ แอนเดอสัน ซิลวา ต้องเสียแชมป์ยูเอฟซีก็มาถึง เมื่อเขาได้สู้กับคริส วีดเดอร์ เพื่อจะส่งท้ายอาชีพของเขา เจ้าตัวกลับเลือกที่จะยั่วผู้ท้าชิงในยกสอง ทว่าครั้งนี้เขาพลาดและโดนอัดจนกรรมการยุติการชกพร้อมกับเสียแชมป์ไปได้ทันที หลังจากนั้นไม่นาน ทางซิลวาก็กลับมาขอท้าชิงอีกครั้งในปลายปี 2013 แต่กลับเกิดเหตุการณ์ที่โชคร้ายยิ่งกว่าเก่า เมื่อเขาพยายามจะเตะเข้าไปที่ขาของวีดเดอร์ แต่โดนเจ้าของแชมป์ยกขาขึ้นมากันไว้ ส่งผลให้ซิลวาขาหักเป็นสองท่อนทันที แล้วกรรมการต้องสั่งยุติการชกอีกครั้ง                แม้ว่าแอนเดอสัน ซิลวาจะรักษาอาการบาดเจ็บไปไม่นานอย่างที่คนอื่นคาดไว้ แต่ทว่าชีวิตใน ยูเอฟซี หลังจากวันที่เขาขาหักนั้นก็เปลี่ยนไปเป็นหลังมือ เพราะมักจะเกิดปัญหาทั้งเรื่องอาการบาดเจ็บ การใช้สารกระตุ้นหรือไม่ก็แพ้ต่อนักชกคนอื่น ๆ อยู่เสมอ จนทำให้ในปี 2020 นั้นเขาก็ได้ถูกยกเลิกสัญญาออกจากค่ายดังไปในที่สุด […]

Continue Reading
เอริค เลอแกรนด์

เอริค เลอแกรนด์ นักอเมริกันฟุตบอลกับอุบัติเหตุที่ยากจะลืมในอดีต

สำหรับกีฬาอย่างอเมริกันฟุตบอลนั้นก็ถือว่า เป็นอีกหนึ่งการแข่งขันที่ใช้พละกำลังเป็นอย่างมากและมักจะมีข่าวถึงอาการบาดเจ็บที่มักจะเกิดขึ้นจากการปะทะของผู้เล่นโดยตรงอยู่เสมอ ซึ่งหนึ่งในนักกีฬาผู้โชคร้ายจากเกมกีฬาคนชนคนก็คือ เอริค เลอแกรนด์ ที่บังเอิญได้รับอาการบาดเจ็บในช่วงวัย 20 ปีเท่านั้น ก่อนที่ตัวเขาจะไม่มีสามารถกลับคืนสู่สนามได้อีกเลยจากอุบัติเหตุครั้งนั้นที่ทำให้เลอแกรนด์กลายเป็นอัมพาตตั้งแต่ช่วงคอลงมา รวมถึงเหตุการณ์นี้จะทำให้ทางสมาคมเอ็นเอฟแอได้ตัดสินใจเปลี่ยนแปลงกฎเสียใหม่เพื่อความปลอดภัยมากขึ้นอีกด้วย                ตัวของ เอริค เลอแกรนด์ ได้เข้าสู่วงการอเมริกันฟุตบอลขึ้นมาในปี 2008 หลังจากที่ตัวเขาได้กลายเป็นผู้เล่นตัวรับหรือไลน์แมนจากความแข็งแรงของร่างกายกับความเร็วที่เจ้าตัวมี ก่อนที่จะมีโอกาสลงเล่นให้กับทีมรัทเกอร์สได้ถึง 13 เกมตลอดฤดูกาล จากการเข้าปะทะได้ถึง 33 ครั้งด้วยกัน ก่อนที่ในปีต่อมาเขาจะยังเป็นผู้เล่นมากประโยชน์ของทีมต้นสังกัดต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการทำแทคเคิ่ลในช่วงตั้งเตะได้มากถึง 13 ครั้ง หรือจะเป็นการทำแทคเคิ่ลถึง 4 ครั้งในเกมเดียวที่แข่งขันกับทีมแมรี่แลนด์เทอร์ราพินส์ จนกระทั่งผลงานที่ทำไว้อย่างดีในหกเกมแรกจะมาถึงจุดจบ หลังจากที่เกิดการปะทะครั้งสำคัญในชีวิตของเลอแกรนด์ จากเกมอเมริกันฟุตบอลที่ เอริค เลอแกรนด์ ลงเล่นให้กับทีมรัทเกอร์ส เพื่อเจอกับทีมอาร์มี่ในวันที่ 16 ตุลาคม ปี 2010 ทางเลอแกรนที่พยายามจะเข้าไปแทคเคิ่ลมัลคอล์ม บราวน์ผู้ถือลูกบอลในจังหวะคิกออฟนั่น ได้วิ่งและใช้หัวพุ่งต่ำโดยไม่ได้ตั้งใจและทำให้หัวของเขากระแทกกับเกราะหัวไหล่ของบรานว์เข้าอย่างจัง แม้ว่าตัวของเลอแกรนด์จะสามารถหยุดเกมรุกของอีกฝ่ายไว้ได้ แต่ทว่าร่างกายของเขากลับนิ่งไปและไม่สามารถขยับตัวตั้งแต่คอลงมาอีกเลย นอกจากนี้ยังไม่สามารถหายใจได้เองหลังจากจังหวะนั้นอีกเช่นกัน โชคยังดีที่เอริค เลอแกรนด์ไม่ได้เสียชีวิตหลังจากเหตุการณ์นั้น แม้ว่าอาชีพ อเมริกันฟุตบอล ของเขาจะจบลงไปอย่างน่าเสียดาย แต่อาการอัมพาตของเขาก็เริ่มจะมีการฟื้นฟูขึ้นมาบ้างแล้ว หลังจากที่ตัวเขาเริ่มจะขยับร่างกายช่วงหัวไหล่และยังคงทำการกายภาพบำบัดเพื่อรอคอยให้สถาพร่างกายกลับมาฟื้นฟูอีกครั้งนั่นเอง ติดตามเรื่องราวของนักกีฬาอีกมากมายได้ที่ […]

Continue Reading
จอห์น แมคคาธี

จอห์น แมคคาธี ผู้ออกมาวิจารณ์ดาน่า ไวท์ จากสมาคมยูเอฟซี

กลายเป็นเรื่องดุเดือดพอสมควร เมื่อทาง จอห์น แมคคาธี ที่เป็นอดีตนักสู้ศิลปะป้องกันตัวกับผู้บรรยายในสมาคมเบลลาทอร์ที่ออกมาพูดถึงประธานสมาคมยูเอฟซีอย่างดาน่า ไวท์ว่าเป็นพวกกลับกลอกในวงการ เมื่อตัวของไวท์เองกลับออกมาพูดถึงสมาคมของตัวเองว่าเป็นทีมงานสำคัญที่ทำให้วงการนักต่อสู้ยังมีต่อไปได้หลังจากที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด แต่ท่าในวิดีโอที่ทางดาน่าปล่อยออกมากลับดูเหมือนว่าตัวเขาจะยกย่องตัวเองมากจนเกินไป จนกระทั่งผู้บรรยายชื่อดังคนนี้ต้องออกมาวิจารณ์นั่นเอง                จากคำพูดของ จอห์น แมคคาธี ได้บอกว่า แม้ว่าจะมีชายคนหนึ่งที่คอยออกมาบอกว่าสื่อไม่ได้มีความสำคัญอะไรและแม้ว่าตัวเขาเองก็ไม่ใช่สื่อเช่นเดียวกัน แต่ทว่าคนอย่างดาน่า ไวท์ก็เป็นคนที่ชอบออกมาวิจารณ์ถึงพาดหัวข่าวล่อเหยื่ออยู่เป็นประจำเช่นกัน แต่ทว่าสุดท้ายแล้วตัวดาน่าเองก็ใช้วิธีการแบบเดียวกันอยู่ดี จนไม่อาจจะแยกตัวเขาออกจากสื่อไปเช่นเดียวกัน โดยทางผู้บรรยายจากเบลลาทอร์เองเริ่มรู้สึกว่า ตัวของดาน่าควรละอายใจที่เคยพูดเรื่องนี้ออกไปและการเชิญชูตัวเองว่าเป็นเหมือนฮีโร่อีกด้วย จอห์น แมคคาธี ที่เป็นอดีตนักสู้ศิลปะป้องกันตัวกับผู้บรรยายในสมาคม                ด้วยความที่จอห์น แมคคาธีเองก็เคยเป็นนักสู้มาก่อน ตัวเขาก็ไม่ต้องการให้รายการยูเอฟซีต้องถูกยกเลิกไปในช่วงที่มาการระบาดออกมาใหม่ๆ แต่ทว่าสิ่งที่ดาน่า ไวท์ทำก็คือการเอาคนอื่นมาเสี่ยงเพื่อเงินให้กระเป๋าของตัวเองเท่านั้น อีกทั้งวิดีโอนำเสนอของเขานั้นเหมือนจะสื่อสารผิดพลาดไปเพราะตัวเขาไม่ได้ให้เครดิตกับใครเลยยกเว้นตัวเอง ซึ่งตามที่รายการในครั้งที่ 249 ได้ถูกเลื่อนไปถึงสองครั้งนั้น มันถือเป็นการเสียสละของเหล่าทีมงานกับนักกีฬามวยที่ยอมเสี่ยงเพื่อวงการตัวเองให้เดินไปต่อได้ในถึงปัจจุบัน                เรียกว่าประเด็ที่จอห์น แมคคาธีพยายามจะสื่อนั้นก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เมื่อวิดีโอจากยูเอฟซีได้ปล่อยออกมานั้นดูจะเข้าข้างทางประธานสมาคมอย่างดาน่า ไวท์มากเกินกว่านักสู้คนอื่นๆ ที่ควรได้รับเครดิตจากการมาต่อสู้หรือการเดินทาง รวมถึงการกักตัวต่างๆ จนกระทั่งพวกเขาสามารถขึ้นสู้ได้นั่นเอง ติดตามเรื่องราวกีฬาอีกมากมายหลากหลายได้ที่ข่าวกีฬาต่างประเทศ

Continue Reading
อันเดรส เวริสซิโม

อันเดรส เวริสซิโม นักแข่งซูเปอร์ไบค์ในประเทศบราซิลฝีมือดี

เป็นเรื่องที่นักกีฬาหลายๆ คนมักจะท่องจำไว้ใจอยู่เสมอกับคำว่า “อย่าเพิ่งดีใจไปก่อน” เพราะมีหลายกรณีที่บรรดาผู้นำแสดงอาการดีใจ แต่สุดท้ายกลับชวดการได้แชมป์ไปอย่างเจ็บแสบ เช่นเดียวกับนักบิดชาวบราซิลนามว่า อันเดรส เวริสซิโม นักแข่งซูเปอร์ไบค์ในประเทศบราซิล ที่แสดงอาการดีใจก่อนที่จะเข้าเส้นชัยแต่สุดท้าย กลับโดนแซงในจังหวะสุดท้ายเลยได้แค่ที่ 3 ไปอย่างน่าเจ็บใจ                การแข่งขันซูเปอร์ไบค์ ณ สนามออโต้โดรโม่ อินเตอร์นาซิอองนาล ไอร์ตัน เซนน่า ในประเทศบราซิลก็ได้มีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น เมื่อ อันเดรส เวริสซิโม ที่สร้างผลงานได้อย่างสุดยอดขึ้นเป็นผู้นำมาตลอดการแข่งขัน และในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนที่จะเข้าเส้นชัย อันเดรส เวริสซิโม กำลังนำอยู่เป็นอันดับที่ 1 ขณะที่อันดับที่ 2 และ 3 เป็นของ ออสวัลโด้ ฟิลโญ่ และ มาร์เซโล่ สคาร์ฟ                หลังจากนั้นสิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่ออันเดรส เวริสซิโมที่มั่นใจเต็ม 100 ว่าจะครองแชมป์ได้อย่างแน่นอนก็ได้ชูมือพร้อมกับยืนขึ้น แน่นอนในจังหวะนั้นหลายๆ คนคงคิดว่าอันเดรส เวริสซิโมคงจะเข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่ 1 อย่างแน่นอน แต่แล้วเรื่องเหลือเชื่อก็เกิดขึ้น เมื่อในจังหวะนั้นทั้ง ออสวัลโด้ ฟิลโญ่ และ […]

Continue Reading
แฮมิลตัน

แฮมิลตัน คว้ารางวัลบุคคลกีฬาบุคลิกภาพยอดเยี่ยมปี 2020

ลูอิส แฮมิลตัน แชมป์โลก Formula 1 ได้รับการโหวตให้ได้รับรางวัล บุคลากรทางกีฬายอดเยี่ยมแห่งปี 2020 ของ BBC หนึ่งในนักขับที่ยอดเยี่ยมตลอดกาลของ F1 เขาเทียบเท่ากับสถิติของไมเคิล ชูมัคเกอร์ที่ครองแชมป์โลก 7 สมัยด้วยการคว้าแชมป์สมัยที่ 4 ติดต่อกันในปี 2020 นอกจากนี้นักบิดวัย 35 ปีจากสตีฟเนจ ยังสามารถคว้าแชมป์แกรนด์กรังปรีซ์ทั้งหมด 91 ครั้งของชูมัคเกอร์ได้อีกด้วย ในการโหวตจากสาธารณชน จอร์แดน เฮนเดอร์สันกัปตันทีมลิเวอร์พูลอยู่อันดับสอง ในขณะที่จ็อกกี้ ฮอลลีดอยล์นักมวยมีคะแนนเป็นอันดับสาม ไทสัน ฟิวรีนักคริกเก็ตชาวอังกฤษสจวร์ตบรอดและรอนนี่โอซัลลิแวนนักสนุกเกอร์ยอดเยี่ยมก็ถูกคัดเลือกให้เข้ารับรางวัลหลักเช่นกัน แฮมิลตัน เปิดเผยว่า ผมอยากจะแสดงความยินดีกับผู้ได้รับการเสนอชื่อที่น่าทึ่งทุกคน ผมภูมิใจมากกับสิ่งที่พวกเขาประสบความสำเร็จและอยากจะขอบคุณทุกคนที่โหวตคะแนนให้ผม ผมไม่ได้คาดหวังสิ่งนี้เพราะมีคู่แข่งที่ยอดเยี่ยมมากมาย ผมอยากจะบอกสุขสันต์วันคริสต์มาสกับทุกคน – มันเป็นปีที่ผิดปกติมากและผมอยากจะพูดถึงคนงานแนวหน้าและเด็ก ๆ ทุกคนทั่วโลกผมอยากให้คุณพยายามคิดบวกตลอดช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ผม ส่งความเป็นบวกทั้งหมดมาให้คุณขอบคุณจากก้นบึ้งของหัวใจ นับเป็นครั้งที่สองที่แฮมิลตันได้รับการสวมมงกุฎบุคลิกภาพกีฬาแห่งปีโดยได้รับรางวัลครั้งแรกในปี 2014 เขายังเป็นรองแชมป์สี่สมัยล่าสุดในปี 2019 แฮมิลตันซึ่งครองสถิติในตำแหน่งโพลมากที่สุดได้รับรางวัลแกรนด์กรังด์ 11 จาก 17 รางวัลในช่วงฤดูกาล 2020 ซึ่งเริ่มช้าไป 4 […]

Continue Reading
เมอร์เรย์

เมอร์เรย์ เต็งแชมป์หลังคว่ำนอร์รี่ใน แบทเทิลออฟบริติช ที่เอาชนะคาเมรอน นอร์รี

แอนดี้ เมอร์เรย์ ยังคงฟอร์มที่มีแนวโน้มที่จะคว้าแชมป์รายการ Battle of the Brits หลังจากที่เอาชนะคาเมรอน นอร์รีในเซตต่อเนื่อง นักเทนนิสหมายเลขโลก 122 คว้าชัยชนะต่อแดนอีแวนส์หมายเลขหนึ่งของอังกฤษในวันอาทิตย์และอีกสองวันต่อมาเอาชนะนอร์รี 6-4 7-6 (7-5) ก่อนการแข่งขันในลอนดอน นักเทนนิสวัย  33 ปีไม่ได้ลงเล่นนับตั้งแต่ถอนตัวจากการแข่งขันโคโลญจน์ในเดือนตุลาคมเนื่องจากมีปัญหาเกี่ยวกับกระดูกเชิงกราน การแข่งขัน ออล-บริติช กำลังจัดขึ้นที่ โรแฮมป์ตันในเวลานี้ นอร์รีเริ่มต้นอย่างช้าๆและ เมอร์เรย์ ใช้ประโยชน์ในการปิดผนึกชุดแรกก่อนที่นอร์รีจะต่อสู้กลับเพื่อแย่งชิงอันดับที่สอง มือวางอันดับสามของอังกฤษมีจุดที่กำหนดไว้ที่ 6-5 แต่เมอร์เรย์ช่วยไว้ได้และปิดผนึกชัยชนะขณะที่ลูกเทนนิสของเขาตกลงบนพื้นฐานอย่างสมบูรณ์แบบ อีแวนส์กลับจากความพ่ายแพ้ต่อเมอร์เรย์โดยเอาชนะ เลียม โบรดี้ 6-0, 6-2 ในขณะที่แจ็ค เดรเปอร์ติดตามชัยชนะในวันจันทร์เหนือนอร์รีด้วยความสำเร็จ 6-4, 6-1 กับเจย์ คลาร์ก นอกจากนี้ยังมีชัยชนะสำหรับ แอนตัน มาตูเชวิช, แคธี่ ดันน์, ฟรานเชสก้า โจนส์และ เอเดน ซิลวา เมอร์เรย์ เอาชนะ เลียม โบรดี้ 6-0, 6-2 […]

Continue Reading
ยูเอฟซี

ยูเอฟซี ที่ตั้งข้อกำหนดการเดินทางของนักสู้มายังสนามเพื่อขึ้นชก

นับว่าเป็นการตั้งข้อกำหนดเพื่อความปลอดภัยของ ยูเอฟซี เมื่อพวกเขาได้ตั้งเงื่อนไขให้กับนักกีฬาที่จะต้องเดินทางมายังสนามเพื่อขึ้นชกนั้นว่าสามารถทำอะไรได้บ้างเมื่อมาถึงเมืองลาสเวกัสแล้ว ซึ่งเหตุผลก็มาจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดจนทำให้นักสู้หลายคนอาจเสี่ยงจะเป็นพาหะนำโรคได้นั่นเอง โดยการเงื่อนไขนั้นทางสมาคมจะแจ้งว่าเหล่านักกีฬาผ่านอีเมลต่างๆ โดยที่มีผู้ใช้ทวิตเตอร์ในชื่อว่า อเล็กซ์ สคาฟฟิดิได้ออกมาเปิดเผยรายละเอียดในจดหมายนี้อีกด้วย                ในข้อความที่สมาคม ยูเอฟซี ได้ชี้แจงไว้ได้บอกว่า เพื่อทำให้เกิดความั่นใจต่อการตรวจหาเชื้อที่สมาคมได้จัดไว้นั้น นักกีฬาและทีมงานทุกคนจะไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางผ่านวิธีการใดๆ ยกเว้นการเดินทางที่ทางสมาคมได้จัดไว้ให้นับตั้งแต่ช่วงหนึ่งสัปดาห์ก่อนขึ้นชก ซึ่งรวมถึงยานพาหนะส่วนตัวของนักกีฬา ของคนรู้จักหรือจะเป็นบริการแชร์ไรดิ่งอย่างอูเบอร์กับลิฟท์อีกด้วย โดยนโยบายนี้จะถูกบังคับใช้กับนักกีฬากับทีมงานทุกคนที่อยู่ในเมืองลาสเวกัส รวมถึงคนที่อยู่ในเมืองอื่นใกล้เคียงที่เตรียมขึ้นชกภายในเวลาหนึ่งสัปดาห์ก่อนสู้จริงนั่นเอง เพื่อความปลอดภัยของ ยูเอฟซี เมื่อพวกเขาได้ตั้งเงื่อนไขให้กับนักกีฬา                นอกจากนี้ทางสมาคมยูเอฟซียังได้มีเงื่อนไขเพิ่มเติมอีกว่า ทางทีมงานกับนักสู้ทุกคนนั้นยังไม่สามารถเดินทางออกจากโรงแรมที่ทางสมาคมได้จัดไว้ให้ หากไม่ได้รับการอนุญาตผ่านฝ่ายจัดรายการ ซึ่งรวมถึงหลังจากขึ้นชกไปแล้วอีกด้วย หากคนที่เดินทางออกไปนั้นจะไม่ได้รับอนุญาตให้กลับเข้าพักเลยทีเดียว โดยหากมีผู้เล่นคนไหนต้องการเดินทางไปสถานที่ต่างๆ นั้นก็จะต้องติดต่อผ่านสมาคมก่อนเช่นกันเพื่อไม่ให้มีใครต้องบังเอิญไปติดเชื้อโควิดก่อนจะเข้ามาในค่ายโดยไม่คาดคิด                นับว่าสมาคมยูเอฟซีก็พยายามจะหาทางปลอดภัยที่สุดเพื่อจัดการแข่งขันต่อไป รวมถึงไม่เสี่ยงที่จะให้มีนักกีฬาติดเชื้อโควิดจนอาจส่งผลถึงแมตช์ต่างๆ ที่ประกาศออกไปแล้ว จนเรียกได้ว่านโยบายเพื่อความปลอดภัยของพวกเขาถูกออกแบบมาอย่างดีแล้ว แม้ว่านักสู้บางคนจะออกมาวิจารณ์ว่า สมาคมอาจทำเกินไปและทำให้เหล่านักสู้ไม่สามารถไปที่ใดได้เลยนั่นเอง ติดตามข่าวกีฬาต่างประเทศอื่น ๆ และ ข่าวกีฬาทั่วไป

Continue Reading
แคท เมอร์ชานท์

แคท เมอร์ชานท์ แชมป์โลกกับอาการบาดเจ็บที่สมองด้วยอายุเพียง 28 ปี

               เป็นข่าวร้ายของวงการรักบี้อยู่เสมอ เมื่อล่าสุดทางแชมป์โลกอย่าง แคท เมอร์ชานท์ ได้ออกมาเรียกร้องให้สมาคมดูแลสุขภาพของนักแข่งที่เกษียณตัวเองไปแล้ว หลังจากที่เธอก็มีอาการกระทบกระเทือนทางสมองอยู่หลายครั้งจากการแข่งขัน ซึ่งจากการวิจัยของเฮดเวย์นั้นได้เปิดเผยว่า ตัวนักกีฬาเพศหญิงนั้นมีโอกาสจะได้รับอาการบาดเจ็บมากกว่าเพศชายอยู่หลายเท่าเลยทีเดียว โดยเจ้าตัวนั้นได้ลาจากสนามไปด้วยอายุเพียง 28 ปีเท่านั้นในปี 2014 จากอาการบาดเจ็บของเธอมากกว่า 11 ครั้งในอาชีพตลอด 14 ฤดูกาล                จากการเปิดเผยของ แคท เมอร์ชานท์ นั้นเธอได้ออกมายอมรับว่าตัวเองมีอาการรับรู้สิ่งต่างๆ ลดลง ซึ่งตัวเองนั้นไม่สามารถทำกิจกรรมในชีวิตประจำของเธอได้อย่างปกติโดยไม่มีอาการปวดหัวเลยทีเดียว นอกจากนี้เธอยังมีอาการติดอ่างกับหลงลืมคำพูดต่างๆ ระหว่างสนทนาเช่นกัน นอกจากนี้ในประแสปัจจุบันนั้นทางอดีตแชมป์โลกอีกคนอย่างสตีฟ ธอมป์สันก็ได้นำเหล่านักรักบี้มารวมตัวกันเพื่อฟ้องเหล่าผู้บริหารจากอาการกระทบกระเทือนทางสมองของพวกเขา แต่ดูเหมือนว่าทางแชมป์หญิงคนนี้จะเห็นต่างออกไป แคท เมอร์ชานท์ นั้นเธอได้ออกมายอมรับว่าตัวเองมีอาการรับรู้สิ่งต่าง ๆ ลดลง                สิ่งที่แคท เมอร์ชานท์ออกมาเสนอก็คือสวัสดิการของเหล่านักแข่งที่ดีกว่าเดิม โดยเฉพาะเมื่อพวกเขาเหล่านั้นได้เกษียณตัวเองจากสนาม ซึ่งเธอได้เปิดเผยว่า สำหรับคนที่ลาจากสนามไปแล้วนั้นจะมีความรู้สึกว่า พวกเขามีความสุขที่ได้ลงเล่นมาตอดหลายปี แต่มันถึงเวลาที่พวกเขาต้องบอกลาแล้ว ส่วนหนึ่งที่เธอต้องการความช่วยเหลือก็คือเธอเองที่ต้องปประกาศเลิกแข่งตั้งแต่อายุยังน้อยเพียง 28 ปีนั้นก็เริ่มรู้สึกสูญเสียตัวต้นไปและตัวเธอเองก็ต้องการความช่วยเหลือในด้านของสภาพจิตใจ นอกเหนือจากร่างกายอีกด้วย                คงจะพูดได้ว่าสิ่งที่แคท เมอร์ชานท์พยายามเสนอออกมาก็เป็นเรื่องจริงอยู่ไม่น้อย เนื่องจากผู้เล่นที่เกษียณหลายคนอาจไม่ได้มีอาการกระทบกระเทือนทางสมองกันทุกคน แต่ทว่าการให้ความช่วยเหลือแก่คนที่บอกลาวงการรักบี้ไปนั้นอาจช่วยให้พวกเขามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น รวมถึงสภาพจิตใจที่อดีตแชมป์โลกยอมรับอีกว่า เคยต้องนั่งร้องไห้เพราะไม่ได้ทำในสิ่งที่เธอทำมาตลอดได้อีกแล้วนั่นเอง ติดตามข่าวกีฬาหลากหลายแนวได้ที่ข่าวกีฬาต่างประเทศและข่าวกีฬาทั่วไป

Continue Reading
คลาเรสซ่า ชิลด์

คลาเรสซ่า ชิลด์ กับสาเหตุที่ไม่ไปชกที่ยูเอฟซีแต่เลือกจะสู้ในลีกพีเอฟแอลแทน

ต้องยอมรับว่าเป็นการตัดสินใจที่ผิดคาดไม่น้อย เมื่อทางนักชกอย่าง คลาเรสซ่า ชิลด์ ได้ออกมาเปิดเผยว่าตัวเองไม่ได้ต้องการไปขึ้นชกศิลปะป้องกันตัวในสมาคมดังอย่างยูเอฟซีและเลือกจะสู้ในลีกพีเอฟแอลแทน ซึ่งอดีตนักชกเหรียญทองโอลิมปิคนั้นได้รับการขนาดนามว่าเป็นนักมวยที่เก่งที่สุดเมื่อเทียบกันปอนด์ต่อปอนด์ จนตัวเองเลือกจะย้ายวงการมาสู้แบบศิลปะป้องกันตัวหรือเอ็มเอ็มเอแทน โดยเจ้าตัวมีเป้าหมายว่าจะเป็นสุดยอดนักกีฬาของทั้งสองวงการเลยทีเดียว                สิ่งที่ คลาเรสซ่า ชิลด์ จะต้องเรียนรู้เพิ่มเติมก็คือการขึ้นชกศิลปะป้องกันตัวนั้นจะเป็นลูกผสมระหว่างมวยปล้ำกับการโจมตีด้วยขาต่างๆ รวมถึงการจับทุ่ม ซึ่งตัวเธอนั้นก็เริ่มฝึกกับตำนานอย่างจอน โจนส์และฮอลลี่ โฮมส์อีกด้วย แม้ว่าตัวเธอจะยังคงใหม่กับวงการนี้ก็ตามและยังคงไม่มีแผนที่จะรีบเปิดตัวในการสู้ครั้งต่อไปของเธอด้วยการเจอกับนักแข่งที่เคยลงสนามมาแล้ว นอกจากนี้เธอยังได้ออกมาเปิดเผยถึงสาเหตุว่าทำไมตัวเองถึงเลือกไปสู้กับพีเอฟแอลแทนยูเอฟซีทั้งที่รู้จักกับประธานอย่างดาน่าไวท์อีกด้วย คลาเรสซ่า ชิลด์ จะต้องเรียนรู้เพิ่มเติมก็คือการขึ้นชก                ตามการสนทนาระหว่างคลาเรสซ่า ชิลด์กับดาน่า ไวท์นั้น ทางนักชกได้บอกว่าตัวประธานคนนี้ต้องการจะให้เธอสู้ครั้งเดียวบนเวทีแปดเหลี่ยมของเขา โดยที่จะให้สู้กับยอดฝีมือที่มีน้ำหนักเท่าเธอนั่นเอง แต่ทว่าทางนักชกกลับมองว่าตัวเธอต้องการจะฝึกฝนกับอาชีพนี้ให้นานมากพอที่จะขึ้นชก พร้อมกับพัฒนาฝีมือต่อไป ซึ่งหากดาน่าเสนอให้เธอฝึกฝนเป็นเวลานานหรือสองปีนั้นคงจะดีกับตัวเองเธอเองมากกว่า ส่วนในทางพีเอฟแอลนั้นได้เสนอให้เธอได้สู้พร้อมกับพัฒนาตัวเองไปตลอดฤดูกาลที่ทำให้เธอสนใจเลือกทางนี้มากกว่านั่นเอง                เรียกว่าทางนักชกอย่างคลาเรสซ่า ชิลด์น่าจะยังคงมีอนาคตในวงการศิลปะป้องกันตัวอีกมาก เนื่องจากชื่อชั้นของเธอเองตั้งแต่เป็นนักมวยสากลสมัครเล่นไปจนถึงการเป็นการเป็นนักมวยที่ดีที่สุดแบบปอนด์ต่อปอนด์ จนกระทั่งเลือกมาเส้นทางการชกอีกแบบหนึ่งที่มีทั้งสมาคมยูเอฟซีกับพีเอฟแอลอีกด้วย ติดตามข่าวกฬาต่าง ๆ ได้ที่ ข่าวกีฬาต่างประเทศ

Continue Reading
คลาเรสซ่า ชิลด์

คลาเรสซ่า ชิลด์ กับการผันตัวเข้าสู่วงการต่อสู้ในกรงอย่างจริงจัง

เป็นอีกก้าวหนึ่งของอาชีพนักสู้จากทางแชมป์โลกถึงสามรุ่นอย่าง คลาเรสซ่า ชิลด์ ที่เตรียมจะผันตัวไปลงแข่งขันแบบศิลปะป้องกันตัว พร้อมกับต้องการสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นแชมป์โลกของกีฬาทั้งสองพร้อมกันอีกด้วย โดยทางนักกีฬาโอลิมปิกสองสมัยรวดนั้นยังมีสถิติที่สวยงามในการชกแบบมืออาชีพด้วยการเอาชนะได้มากถึง 10 ไฟต์รวด พร้อมต้องการจะเปลี่ยนไปหาความท้าทายใหม่นั่นเอง                การเปลี่ยนเส้นทางกีฬาของ คลาเรสซ่า ชิลด์ นั้นก็เริ่มต้นจากการเข้าร่วมในพีเอฟแอลหรือลีกนักสู้มืออาชีพที่เธอได้เปิดเผยว่า เธอต้องการจะทำในสิ่งที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อนและนั่นก็คือครองตำแหน่งแชมป์โลกในกีฬามวยอาชีพและศิลปะป้องกันตัวในเวลาเดียวกันนั่นเอง ซึ่งเธอเองก็มีต้นแบบอย่างโบ แจ็คสันและดีออน แซนเดอส์ที่สามารถเอาดีได้ถึงกีฬาทั้งสองประเภทอย่างเบสบอลกับอเมริกันฟุตบอลอีกด้วย                เมื่อย้อนเวลากลับไปตั้งแต่ที่คลาเรสซ่า ชิลด์ได้กลายเป็นนักกีฬามืออาชีพแล้วนั้น เธอก็มีเป้าหมายเดียวเท่านั้น ซึ่งนั้นก็คือการเป็นผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาลและต้องการเป็นนักกีฬาแบบแจ็คสันกับแซนเดอร์อีกด้วย สิ่งที่ทำให้เธอสนใจในลีกพีเอฟแอลนั้นก็คือการเป็นองค์กรที่เน้นการต่อสู้เป็นหลัก โดยที่เธอเองก็รอคอยที่จะแสดงฝีมือในการต่อสู้แบบนี้แล้ว รวมถึงจะเริ่มเข้าร่วมลีกในปี 2022 คลาเรสซ่า ชิลด์ นั้นก็เริ่มต้นจากการเข้าร่วมในพีเอฟแอลหรือลีกนักสู้มืออาชีพ                หากทางคลาเรสซ่า ชิลด์สามารถทำได้อย่างที่เธอว่าไว้นั้นก็อาจเป็นจุดเริ่มต้นของตำนานนักชกหญิงคนนี้อย่างแน่นอน เนื่องจากมีนักสู้ศิลปะป้องกันตัวอยู่ไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถก้าวไปถึงจุดสูงสุดของวงการต่อสู้อย่างจริงจังทั้งสอง ซึ่งไม่นับกีฬามวยปล้ำที่มีอดีตแชมป์โลกมากมายเข้าไปต่อยอดประสบความสำเร็จมาแล้วเช่นกัน ติดตามต่อในข่าวกีฬาต่างประเทศ

Continue Reading