อากิระ นิชิโนะ เข้ามาทำงานให้กับทีมชาติไทย จนถึงเวลานี้ก็นับได้ปีกว่าแล้ว ซึ่งการเข้ามาของกุนซือชาวญี่ปุ่นรายนี้ทำให้ไทยเราได้เห็นแนวทางการทำงาน ที่นิชิโนะซังพยายามปรับวัฒนธรรมญี่ปุ่นให้เข้ากับนักเตะไทย ซึ่งมีหลายสิ่งหลายประการที่น่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีแก่โค้ชชาวไทยติดตามต่อในข่าวกีฬาต่างประเทศ
แนวทางแรก นิชิโนะ วางโปรแกรมซ้อมไม่หนัก
ซึ่งมันอาจขัดกับคติคิดที่เรามีกับโค้ชญี่ปุ่นที่ต้องฝึกซ้อมหนักเช้า-เย็น โดย อากิระ นิชิโนะ นิชิโนะซัง จะวางโปรแกรมฟิตเนตร่างกายในตอนเช้าและซ้อมตอนเย็น ไม่เกิน 1.30 ชม เพื่อให้นักเตะมีความกระหาย ไม่เกิดความรู้สึกเบื่อหน่ายจนเกินไป เพราะหากซ้อมหนักติดต่อกันกระทั่งสภาพจิตใจไม่มีความกระหาย การฝึกซ้อมย่อมไม่เกิดประสิทธิภาพ
นิชิโนะจะใช้สไตล์การฝึกซ้อม คือปล่อยไหลไปตามโปรแกรมที่วางไว้ ไม่ค่อยเป่านกหวีดเพื่อขัดจังหวะหรือหยุดการซ้อม อีกทั้งข้อสำคัญ คือ นิชิโนะ จะไม่ตำหนินักเตะขณะฝึกซ้อม เพราะจะทำให้นักเตะขาดความมั่นใจได้ โดยเจ้าตัวจะใช้วิธีการประชุมทีมหลังฝึกซ้อมและสรุปผลงานการฝึกซ้อมของนักเตะรายตัว พร้อมทั้งแนะนำสิ่งที่ต้องนำกลับไปคิด เพื่อใช้สำหรับการฝึกซ้อมวันถัดไป
แนวทางต่อมา อากิระ นิชิโนะ นิชิโนะ จะไม่ตำหนินักเตะระหว่างซ้อม
นิชิโนะ ถือเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ เพราะการฝึกซ้อม การประชุมทีม และการเดินทางไปแข่งขัน แม้ว่ากลุ่มนักเตะจะสามารถพูดคุยกันได้ แต่นิชิโนะ มองว่าเวลารับประทานอาหาร คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่ทุกคนควรมาอยู่ร่วมกัน เพราะบทสนทนาต่างๆบนโต๊ะอาหาร สามารถพูดคุยได้หมดทุกเรื่องโดยไม่ต้องมีความกังวล ซึ่งนิชิโนะอยากให้ใช้ช่วงเวลานี้ในการพูดคุยกัน ทำความรู้จักกัน และสิ่งเหล่านี้จะมีส่วนสำคัญต่อการเล่นในสนาม เพราะจะมีความเข้าขา รู้ใจกันมากขึ้น
มีวันฟรีเดย์ 1วัน ต่อสัปดาห์
นิชิโนะ ขอร้องนักเตะไม่ให้ออกจากแคมป์ขณะฝึกซ้อมถ้าไม่จำเป็น ยกเว้นว่าเป็นสถานการณ์สุดวิสัยจริงๆ โดยกุนซือชาวญี่ปุ่นจะมีวันฟรีเดย์ให้นักเตะออกจากแคมป์เพื่อไปเจอหน้าครอบครัวและคนที่รักได้ หรือไปทำกิจกรรมผ่อนคลาย แต่ห้ามมิให้เป็นอันตรายและกระทบกับตัวเอง เช่น ดื่มสุรา ทำกิจกรรมที่เสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บ ซึ่งแนวทางของนิชิโนะซัง มองว่าการได้พักผ่อน หรือการที่นักเตะได้เจอกับคนที่อยากพบ จะทำให้นักเตะมีแรงผลักดันสำหรับการฝึกซ้อมหนักอยู่เสมอ