ซิดวิเชียส

ซิดวิเชียส จะได้ต้องขึ้นปล้ำในกติกาสี่เส้าเพื่อชิงแชมป์โลกรุ่นเฮฟวี่เวทของสมาคม

ในปลายยุค 90 ถึงต้น 2000 จัดว่าเป็นช่วงที่วงการมวยปล้ำมีความเผ็ดร้อนอยู่มาก ทั้งเรื่องเรตติ้งของสองสมาคมดังอย่างดับเบิ้ลยูซีดับเบิ้ลยูและดับเบิ้ลยูดับเบิ้ลยูเอฟในเวลานั้นพยายามขับเคี่ยวเพื่อความเป็นหนึ่งในโลก จนทำให้มักจะมีการตัดสินใจแปลก ๆ อยู่เสมอเพื่อทำให้คนหันมาสนใจรายการของตัวเองมากขึ้น ซึ่งหนึ่งในการตัดสินใจครั้งเลวร้ายที่สุดก็เกิดขึ้นกับนักมวยปล้ำที่ชื่อว่า ซิดวิเชียส ในรายการซิน โดยสาเหตุหลักก็เพราะความนิยมของสมาคมดับเบิ้ลยูซีดับเบิ้ลยูนั้นตกลงไปมากจนพวกเขาต้องการความสดใหม่ในรายการพวกเขานั่นเอง                คู่เอกของค่ำคืนนั้นทาง ซิดวิเชียส จะได้ต้องขึ้นปล้ำในกติกาสี่เส้าเพื่อชิงแชมป์โลกรุ่นเฮฟวี่เวทของสมาคม ซึ่งในแมตช์จะมีทั้งซิด สก็อต สไตเนอร์ เจฟฟ์ จาเรตต์และนักมวยปล้ำปริศนาอีกคน แต่ในระหว่างที่สามคนแรกได้เริ่มต้นขึ้นสู้กันไปก่อนแล้วนั้น ก็มีจังหวะหนึ่งที่ซิดที่สูงเกือบ 2 เมตรและน้ำหนักกว่า 300 ปอนด์ได้ขึ้นไปยืนอยู่บนมุมเวทีและพยายามใช้ท่าถีบหรือบิ๊กบูทเข้าที่สไตเนอร์ แต่ด้วยน้ำหนักที่มากเกินไปของเขาทำให้ขาซ้ายที่ถึงพื้นเวทีก่อนของเขาไม่สามารถรับน้ำหนักทั้งหมดไว้ได้แต่หักเป็นสองท่อนทันที หลังจากที่ ซิดวิเชียส ได้แต่นอนบนเวทีเฉย  ๆ เพราะขาหักไปแล้ว รายการซินก็ต้องรีบตัดจบไป เมื่อทางสมาคมลงโร้ดวอริเออร์แอนิมัลมาเป็นนักมวยปล้ำคนที่สี่ในแมตช์และทำร้ายซิดซ้ำ ก่อนจะปล่อยให้สไตเนอร์เจ้าของตำแหน่งกดนับสามเอาชนะไป แต่สิ่งที่คนสนใจมากกว่านั้นก็คือซิดได้ออกมาเปิดเผยในภายหลังว่า ทางสมาคมได้กดดันให้เขาลองใช้ท่าเหินเวหาดูบ้างเพื่อไม่ให้การปล้ำดูน่าเบื่อเกินไป แม้ว่าซิดจะไม่เคยฝึกท่านี้มาก่อนเลยก็ตาม ก่อนที่เขาจำเป็นจะต้องเข้ารับการรักษาตัวอยู่นานและไม่อาจกลับมาเป็นนักมวยปล้ำได้เต็มเวลาอีกต่อไป                โชคดีที่ซิดวิเชียสยังสามารถกลับมาเดินหรือวิ่งได้ตามปกติ รวมถึงยังกลับมาสู่บนเวที มวยปล้ำ อยู่เป็นครั้งคราว แต่ความกระหายเรตติ้งของค่ายดับเบิ้ลยูซีดับเบิ้ลยูนั้นก็วนกลับมาทำร้ายตัวเอง เมื่อจบรายการซินไปได้ไม่นาน สมาคมที่เคยเป็นอันดับหนึ่งของโลกก็ต้องปิดตัวลงไปอย่างน่าเสียดายในปี 2001 และปล่อยให้วงการมวยปล้ำซบเซาลงจนถึงปัจจุบัน ติดตามเรื่องราวของวงการมวยปล้ำที่ดุเดือดเพิ่มเติมได้ที่ ข่าวกีฬาต่างประเทศ เกมกีฬาที่หลายคนสนใจในวันนี้มีออกมาเป็นรูปแบบของเกมให้เลือกเล่นมากมายที่เว็บไซต์ bslot89 […]

Continue Reading
เบลลาทอร์

เบลลาทอร์ ที่เลือกเซ็นสัญญาดาริน่า แมดซุคเข้ามาสู่สมาคม

ถือว่าเป็นการเซ็นสัญญาที่น่าแปลกใจของ เบลลาทอร์ อยู่ไม่น้อย เมื่อเมื่อพวกเขาได้เลือกเซ็นสัญญาทางดาริน่า แมดซุคเข้ามาสู่สมาคม โดยตัวของดาริน่านั้นได้เป็นที่รู้จักมาจากไฟท์ที่เป็นไวรัลดังทั่งสังคมออนไลน์ อีกทั้งยังมีคนออกมาวิจารณ์ว่าเป็นการทำลายภาพลักษณ์การต่อสู้ของสมาคมอื่น หลังจากที่เธอที่มีน้ำหนักตัวเพียง 139 ปอนด์ได้ขึ้นชกกับผู้ชายที่มีน้ำหนักถึง 529 ปอนด์เลยทีเดียว รวมถึงตัวเธอเองก็เป็นผู้ชนะในไฟท์นี้ด้วย แต่ผู้คนกลับพุ่งเป้าไปที่ความไม่เหมาะสมของคู่ชกมากกว่า                 จากแหล่งข่าววงในของทางเว็บไซต์เอ็มเอ็มเอไฟท์ติ้งนั้นได้ยืนยันว่า ทางสมาคม เบลลาทอร์ ได้ต้องการตัวนักสู้หญิงคนนี้ไปร่วมงานด้วย หลังจากที่ดาริน่า แมดซุคสร้างชื่อผ่านรายการชกที่ประเทศรัสเซียที่ชื่อว่า อาวร์บิสสิเนส ที่เธอได้ชกกับกรีกอรี่ คริสต์ยาคอฟที่มีน้ำหนักมากกว่า 500 ปอนด์ โดยในการขึ้นชกนั้นทางฝ่ายชายเริ่มได้เปรียบมากกว่าจากการล็อคคอและพยายามโจมตีอย่างรวดเร็ว แต่กลับโดนฝ่ายชกเข้าเป้าไปที่ใบหน้าจนร่วงลงไปแล้วโดนรวบชกจนไม่สามารถทำอะไรได้ พร้อมกับแพ้ไป สมาคม เบลลาทอร์ ได้ต้องการตัวนักสู้หญิงคนนี้ไปร่วมงาน                แม้ว่าทางเบลลาทอร์นั้นจะไม่มีความเห็นใดๆ กับไฟท์นี้ก็ตาม แต่ทางกรรมการอย่างมาร์ค กอดดาร์ดก็ได้ออกมาเปิดเผยความรู้สึกว่านี่คือการชกที่ตัวเขารับไม่ได้และเป็นเหมือนความพินาศของวงการในปี 2020 ทั้งที่ทางวงการพยายามที่จะนำเสนอการต่อสู้ที่จริงจังก็ตามที ซึ่งทางกรรมการอย่างกอดดาร์ดก็มักจะแสดงความเห็นในแมตช์ต่างๆ ของวงการอยู่เป็นประจำทั้งไฟท์ระหว่างโคลบี้ โควิงตันที่เจอกับเจ้าของแชมป์เวลเตอร์เวทคนปัจจุบันอย่างคามารุ อุสมานมาแล้วเช่นกัน                คงจะต้องติดตามกันต่อไปว่าทำไมทางเบลลาทอร์จึงเลือกเซ็นสัญญานักสู้ที่ไม่ได้แสดงฝีมือมากนักอย่างดาริน่า แมดซุค แต่ทว่าการที่เธอมีคนรู้จักไปทั่วโลกนั้นก็อาจจะดีพอที่ทำให้นักสู้คนนี้ต่อยอดและมีโอกาสขึ้นชกในไฟท์ที่จริงจังมากกว่าการชกกับผู้ชายที่น้ำหนักมากกว่าเกือบ 400 ปอนด์นั่นเอง ติดตามข่าวกีฬามากมายได้ที่ข่าวกีฬาต่างประเทศและข่าวกีฬาทั่วไป

Continue Reading
คลาเรสซ่า ชิลด์

คลาเรสซ่า ชิลด์ กับสาเหตุที่ไม่ไปชกที่ยูเอฟซีแต่เลือกจะสู้ในลีกพีเอฟแอลแทน

ต้องยอมรับว่าเป็นการตัดสินใจที่ผิดคาดไม่น้อย เมื่อทางนักชกอย่าง คลาเรสซ่า ชิลด์ ได้ออกมาเปิดเผยว่าตัวเองไม่ได้ต้องการไปขึ้นชกศิลปะป้องกันตัวในสมาคมดังอย่างยูเอฟซีและเลือกจะสู้ในลีกพีเอฟแอลแทน ซึ่งอดีตนักชกเหรียญทองโอลิมปิคนั้นได้รับการขนาดนามว่าเป็นนักมวยที่เก่งที่สุดเมื่อเทียบกันปอนด์ต่อปอนด์ จนตัวเองเลือกจะย้ายวงการมาสู้แบบศิลปะป้องกันตัวหรือเอ็มเอ็มเอแทน โดยเจ้าตัวมีเป้าหมายว่าจะเป็นสุดยอดนักกีฬาของทั้งสองวงการเลยทีเดียว                สิ่งที่ คลาเรสซ่า ชิลด์ จะต้องเรียนรู้เพิ่มเติมก็คือการขึ้นชกศิลปะป้องกันตัวนั้นจะเป็นลูกผสมระหว่างมวยปล้ำกับการโจมตีด้วยขาต่างๆ รวมถึงการจับทุ่ม ซึ่งตัวเธอนั้นก็เริ่มฝึกกับตำนานอย่างจอน โจนส์และฮอลลี่ โฮมส์อีกด้วย แม้ว่าตัวเธอจะยังคงใหม่กับวงการนี้ก็ตามและยังคงไม่มีแผนที่จะรีบเปิดตัวในการสู้ครั้งต่อไปของเธอด้วยการเจอกับนักแข่งที่เคยลงสนามมาแล้ว นอกจากนี้เธอยังได้ออกมาเปิดเผยถึงสาเหตุว่าทำไมตัวเองถึงเลือกไปสู้กับพีเอฟแอลแทนยูเอฟซีทั้งที่รู้จักกับประธานอย่างดาน่าไวท์อีกด้วย คลาเรสซ่า ชิลด์ จะต้องเรียนรู้เพิ่มเติมก็คือการขึ้นชก                ตามการสนทนาระหว่างคลาเรสซ่า ชิลด์กับดาน่า ไวท์นั้น ทางนักชกได้บอกว่าตัวประธานคนนี้ต้องการจะให้เธอสู้ครั้งเดียวบนเวทีแปดเหลี่ยมของเขา โดยที่จะให้สู้กับยอดฝีมือที่มีน้ำหนักเท่าเธอนั่นเอง แต่ทว่าทางนักชกกลับมองว่าตัวเธอต้องการจะฝึกฝนกับอาชีพนี้ให้นานมากพอที่จะขึ้นชก พร้อมกับพัฒนาฝีมือต่อไป ซึ่งหากดาน่าเสนอให้เธอฝึกฝนเป็นเวลานานหรือสองปีนั้นคงจะดีกับตัวเองเธอเองมากกว่า ส่วนในทางพีเอฟแอลนั้นได้เสนอให้เธอได้สู้พร้อมกับพัฒนาตัวเองไปตลอดฤดูกาลที่ทำให้เธอสนใจเลือกทางนี้มากกว่านั่นเอง                เรียกว่าทางนักชกอย่างคลาเรสซ่า ชิลด์น่าจะยังคงมีอนาคตในวงการศิลปะป้องกันตัวอีกมาก เนื่องจากชื่อชั้นของเธอเองตั้งแต่เป็นนักมวยสากลสมัครเล่นไปจนถึงการเป็นการเป็นนักมวยที่ดีที่สุดแบบปอนด์ต่อปอนด์ จนกระทั่งเลือกมาเส้นทางการชกอีกแบบหนึ่งที่มีทั้งสมาคมยูเอฟซีกับพีเอฟแอลอีกด้วย ติดตามข่าวกฬาต่าง ๆ ได้ที่ ข่าวกีฬาต่างประเทศ

Continue Reading
สโตนโคลด์ สตีฟออสติน

สโตนโคลด์ สตีฟออสติน ที่มีโอกาสได้เป็นแชมป์เฮฟวี่เวทของสมาคมดับเบิลบูดับเบิลยูเอฟ

ข่าวกีฬาต่างประเทศในปี 1998 นั้นถือเป็นจุดเริ่มต้นของยุคทองสำหรับ สโตนโคลด์ สตีฟออสติน ที่มีโอกาสได้เป็นแชมป์เฮฟวี่เวทของสมาคมดับเบิลบูดับเบิลยูเอฟเป็นครั้งแรกจากการเอาชนะชอว์น ไมเคิลส์ไปได้ แต่ทว่าหลังจากที่เขาได้ครองตำแหน่งแล้วนั้น ทางเจ้าตัวกลับไม่ยอมรับอำนาจของเหล่าผู้บริหารอย่างวินซ์ แมคแมนจนทำให้เขาเลือกที่จะต่อต้านรวมทั้งเอาเข็มขัดแชมป์โลกไปเปลี่ยนเป็นแนวของตัวเองอีกด้วย                เรื่องราวระหว่าง สโตนโคลด์ สตีฟออสติน กับวินซ์ แมคแมนเริ่มต้นขึ้นในปี 1997 หลังจากที่ออสตินได้รับบาดเจ็บจนเกือบพิการกลางเวทีทำให้ทางสมาคมจำเป็นต้องพักการปล้ำของเขาและไม่มอบสิทธิชิงแชมป์อินเตอร์คอนทิเนนทัลให้แก่เจ้าตัว จนกระทั่งออสตินจัดการแมคแมนด้วยท่าสตันเนอร์ โดยเป็นครั้งแรกที่ประธานของสมาคมโดนเล่นงานกลางเวทีอีกด้วย แต่ทว่าต่อมาออสตินก็กลับมาแข่งมวยปล้ำอีกครั้งและคว้าแชมป์โลกของสมาคมไปได้                เมื่อสโตนโคลด์ สตีฟออสตินกลายเป็นแชมป์สูงสุดและหน้าตาของสมาคมแล้วนั้น ทางวินซ์ แมคแมนก็ต้องการให้เขาเปลี่ยนตัวเองเพื่อเป็นตัวแทนของค่ายคนต่อไป แต่ทว่าเจ้าตัวไม่ยอมรับและเลือกจะเล่นงานทุกคนอย่างไม่ไว้หน้า ด้วยเหตุนี้เองทำให้ทางแมคแมนไม่มอบเข็มขัดเส้นสีน้ำเงินแบบปกติให้กับเขา โดยทางออสตินก็เลือกที่จะไปทำเข็มขัดแชมป์โลกใหม่เองและใช้หนังงูตามฉายาของเขาอย่างเจ้างูหางกระดิ่งนั่นเอง สโตนโคลด์ สตีฟออสติน กลายเป็นแชมป์สูงสุด                น่าเสียดายที่เหตุการณ์ของสโตนโคลด์ สตีฟออสตินกับเข็มขัดแชมป์โลก จะมีอายุสั้น เพราะว่าชะตาของแชมป์เส้นนั้นก็จบลงด้วยการโดนโยนลงแม่น้ำ โดยเดอะร็อคนักมวยปล้ำมาแรงอีกคนของสมาคมที่ต่อมาจะกลายเป็นคู่ปรับตลอดกาลของออสตินอีกด้วย

Continue Reading
คริส เจอริโก้

คริส เจอริโก้ มักจะเป็นนักมวยปล้ำจอมสร้างสรรค์ไอเดียต่างๆ

แม้ว่าชื่อของ คริส เจอริโก้ มักจะเป็นนักมวยปล้ำจอมสร้างสรรค์ไอเดียต่างๆ ออกมาอย่างมากมายตลอดอาชีพ 30 ปีของเขา แต่ทว่าทางประธานสมาคมออลอีลีทเรสลิ่งอย่างโทนี่ คาห์นนั้นกลับต้องปฏิเสธข้อเสนอของเขาไปอย่างช่วยไม่ได้ หลังจากที่ทางอดีตแชมป์โลกนั้นกำลังมีเรื่องราวกับเอมเจเอฟนักมวยปล้ำดาวรุ่งของสมาคม ซึ่งทางคริสนั้นต้องการจะสร้างโมเมนต์ที่เกิดขึ้นในฝันและเกินจริงมากไปจนโทนี่ต้องหยุดเขาเอาไว้ ติดตามต่อในข่าวกีฬาต่างประเทศ                สำหรับเรื่องราวของ คริส เจอริโก้ ในปัจจุบันนั้น เขาได้มีปัญหาของเอมเจเอฟ ซึ่งเป็นนักมวยปล้ำอีกหนึ่งคนที่มีสไตล์การพูดใกล้เคียงกับเขา โดยการปะทะคารมย์ของทั้งคู่เคยเกิดขึ้นมาแล้วตั้งแต่ปลายปี 2019 ในระหว่างที่โคดี้ โรดส์กำลังมีบทบาทและเป็นผู้ท้าชิงแชมป์โลกจากคริสนั่นเอง ซึ่งจุดจบของเนื้อเรื่องนั้นก็คือการพ่ายแพ้ผู้ท้าชิงพร้อมหมดสิทธิจะเป็นแชมป์โลกอีกตลอดไป                จนกระทั่งเวลาผ่านไปกว่าหนึ่งปี ทางเอมเจเอฟก็กลับมามีบทบาทกับคริส เจอริโก้อีกครั้ง โดยครั้งนี้เขาต้องการเข้าร่วมกลุ่มอินเนอร์เซอร์เคิลของอดีตแชมป์นั่นเอง ซึ่งการวางเนื้อเรื่องนี้ทางโทนี่ คาห์นได้เปิดเผยว่าทางคริสได้เสนอให้ทำโมเมนต์ในฝันของเอมเจเอฟเหมือนกับซีรีย์ต่างๆ แต่ทว่าทางประธานสมาคมจำเป็นต้องปฏิเสธไป แม้ว่าในเวลาต่อมาเขาจะได้สร้างโมเมนต์ร้องเพลงกันจนมีคนชื่นชมมากมายเช่นเดิม คริส เจอริโก้ ในปัจจุบันนั้น เขาได้มีปัญหาของเอมเจเอฟ                แม้ว่าความคิดของเจอริโก้อาจเกินความจริงจนไม่เหมาะกับวงการมวยปล้ำก็ตามในครั้งนี้ แต่ทว่าทางประธานสมาคมอย่างโทนี่ยังคงชื่นชมเจ้าตัวว่า เขามีส่วนร่วมในการสร้างเนื้อเรื่องมากมายในรายการและเขาเป็นอัจฉริยะของโลกมวยปล้ำคนหนึ่ง พร้อมชื่นชมการร้องเพลงร่วมกับเอมเจเอฟว่ามันยังคงประทับใจเขาอยู่จนถึงปัจจุบัน

Continue Reading
กรงไม้ไผ่

กรงไม้ไผ่ ที่แสนจะอันตราย โดยกติกาของแมตช์นี้นั้นก็คือนักมวยปล้ำจะเข้าไปอยู่ในกรงสองชั้น

ข่าวกีฬาต่างประเทศในปี 2006 นั้นถือเป็นการเปิดตัวของนักมวยปล้ำร่างใหญ่จากอินเดียที่ถูกขนานนามว่าเป็นจอมโหดที่สุดคนหนึ่งของวงการ ซึ่งการมาของเขานั้นทำให้เกิดแมตช์อย่างปัญจาบิพริซันหรือ กรงไม้ไผ่ ที่แสนจะอันตราย โดยกติกาของแมตช์นี้นั้นก็คือนักมวยปล้ำจะเข้าไปอยู่ในกรงสองชั้น ซึ่งวิธีการจะเอาชนะนั้นทำได้เพียงการปีนออกมาเท่านั้น แต่ทว่านักมวยปล้ำที่เป็นผู้เฃนำเสนอแมตช์นี้อย่างเดอะเกรทคาลีกลับไม่เคยเอาชนะได้เลยสักครั้ง                สำหรับแมตช์ กรงไม้ไผ่ ครั้งแรกนั้นเกิดขึ้นในรายการเดอะเกรทอเมริกันแบช ซึ่งเดิมทีต้องเป็นแมตช์ระหว่างดิ อันเดอร์แทคเกอร์เจอกับยักษ์จากปัญจาบ แต่ทว่าเจ้าตัวกลับมีปัญหาด้านสภาพร่างกายจนทางบิ๊กโชว์ต้องขึ้นปล้ำแทน ก่อนที่แมตช์ที่เกิดขึ้นโดยไม่ตั้งใจนั้นจะเป็นทางอันเดอร์เทคเกอร์ที่เอาชนะไปได้ โดยการทุ่มตัวเองคู่ต่อสู้จนประตูของกรงพังและกลิ้งออกมาข้างนอกพร้อมคว้าชัยไป                เมื่อแมตช์แรกของกรงไม้ไผ่นั้นมีการเปลี่ยนแปลงไป ทางเกรทคาลีก็ต้องรอจนถึงปี 2007 ที่เขามีโอกาสท้าชิงแชมป์กับบาทิสต้าในรายการโนเมอร์ซีย์ ก่อนที่จะเป็นทางแชมป์โลกในขณะนั้นสามารถกระโดดจากกรงด้านในไปเกาะกรงด้านอกแทนและปีนแซงคาลีไปได้แบบสะใจคนดูพร้อมป้องกันแชมป์ไปได้ ส่วนทางยักษ์ใหญ่นั้นก็ไม่มีโอกาสเป็นแชมป์โลกอีกเลยและออกไปจากสมาคมในปี 2014 เมื่อแมตช์แรกของ กรงไม้ไผ่ นั้นมีการเปลี่ยนแปลงไป                แม้ว่าทางยักษ์จากปัญจาบจะไม่เคยเอาชนะแมตช์นี้ก็ตาม แต่ในการชิงแชมป์โลกในกรงไม้ไผ่ที่กลับมาอีกครั้งจากรายการแบทเทิลกราวด์ปี 2017 นั้นทางเกรทคาลีก็ได้มาช่วยให้นักมวยปล้ำเชื้อสายอินเดียรุ่นน้องอย่างจินเดอร์ มาฮาลสามารถเอาชนะแรนดี้ ออร์ตันไปได้พร้อมทำลายสถิติที่นักมวยปล้ำอธรรมไม่เคยชนะแมตช์นี้ได้เลยอีกด้วย

Continue Reading
ยังบัคส์

ยังบัคส์ ร่วมก่อตั้งสมาคมออลอีลีทเรสลิ่งขึ้นมานั้น ทางแมตต์กับนิคแจคสัน

กลายเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงเลยทีเดียว สำหรับนักมวยปล้ำแทคทีมชื่อดังอย่างแมตต์ แจคสันจากทีม ยังบัคส์ ที่ได้รับบาดเจ็บมาเป็นเวลานาน แต่ทว่าเจ้าตัวยังคงฝืนขึ้นปล้ำต่อไป โดยอาการบาดเจ็บที่ว่านี้เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงที่กลุ่มพี่น้องแจคสันและเอฟทีอาร์ยังร่วมมือกันเพื่อเจอกับลูช่า บราเธอร์สและเบลดกับบุทเชอร์นั่นเอง ซึ่งปัญหาที่หัวเข่าของเขานี่เองที่อาจส่งผลให้เขาต้องหายไปจากหน้าจอสักระยะหนึ่งติดตามต่อในข่าวกีฬาต่างประเทศ                นับตั้งแต่ที่ทีม ยังบัคส์ ร่วมก่อตั้งสมาคมออลอีลีทเรสลิ่งขึ้นมานั้น ทางแมตต์กับนิคแจคสันก็ไม่เคยประสบความสำเร็จด้วยการเป็นแชมป์แทคทีมเลย แม้ว่าพวกเขาจะสามารถครองแชมป์คู่กันมาได้ตั้งแต่สมัยอยู่กับนิวเจแปนโปรเรสลิ่งหรือริงออฟออเนอร์ในหลายปีก่อนหน้านี้ โดยช่วงที่พวกเขาใกล้เคียงจะเป็นแชมป์มากที่สุดนั้นก็คือการเจอกับแฮงค์แมนอดัม เพจและเคนนี่ โอเมก้าเพื่อนร่วมทีมนั่นเอง                นอกจากพวกเขาจะไม่มีโอกาสเป็นแชมป์แล้วนั้น ทางยังบัคส์ก็มักจะมีปัญหาอาการบาดเจ็บอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นนิค แจคสันที่ได้รับบาดเจ็บจนต้องพักการปล้ำไปในช่วงต้นปี ก่อนที่ทางแมตต์ แจคสันจะเจ็บซ้ำในแมตช์ที่จับกดที่ใดก็ได้ในสนาม โดยเป็นการเจอกับเบลดและบุทเชอร์จนสุดท้ายเขาจะเอาชนะไปได้ทั้งที่เจ็บเข่า ซึ่งในรายการฟูลเกียร์ประจำเดือนพฤศจิกายนนี้ ทางสองพี่น้องจะมีโอกาสชิงแชมป์แทคทีมอีกครั้งหนึ่งด้วย ยังบัคส์ ก็มักจะมีปัญหาอาการบาดเจ็บอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นนิค แจคสัน                สำหรับแมตช์ชิงแชมป์แทคทีมนี้ ทางยังบัคส์จะได้เจอกับเอฟทีอาร์ทีมคู่ปรับตลอดกาลของยุคนี้ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการปล้ำที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง อีกทั้งการโต้เถียงมาตลอดหลายปีทำให้แมตช์น่าสนใจอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีกติกาพิเศษหากทีมพี่น้องแจคสันแพ้นั้น พวกเขาจะไม่ได้ชิงแชมป์แทคทีมอีกต่อไปในอนาคต ซึ่งทางแมตต์ที่มีอาการบาดเจ็บและนิคจะต้องหาทางเอาชนะคู่ปรับตัวฉกาจนี้ให้ได้เพื่อโอกาสประสบควาสำเร็จของพวกเขานั่นเอง

Continue Reading
ริโคเช่

ริโคเช่ ในช่วงเวลาที่เขาอยู่ในสมาคมยักษ์ใหญ่อย่างเวิลด์เรสลิ่งเอนเตอร์เทนเมนต์

ข่าวกีฬาต่างประเทศวันนี้นับว่าเป็นช่วงเวลาที่ไม่น่าจดจำเท่าไหร่นักของ ริโคเช่ ในช่วงเวลาที่เขาอยู่ในสมาคมยักษ์ใหญ่อย่างเวิลด์เรสลิ่งเอนเตอร์เทนเมนต์ แม้ว่าเจ้าตัวจะสามารถคว้าแชมป์สหรัฐอเมริกามาครองได้ในปี 2019 แต่ทว่าเขากลับไร้ทิศทางนับตั้งแต่นั้น จนมีหลายคนมองว่าช่วงเวลาที่ดีที่สุดของเขาได้อยู่ในรายการลูช่าอันเดอร์กราวด์ ซึ่งเขาได้รับบทบาทเป็นพรินซ์พูม่าหรือเจ้าชายเสือในฐานะพระเอกของรายการนั่นเอง                เนื่องจาก ริโคเช่ ได้สร้างชื่อเสียงของตัวเองในฐานะนักมวยปล้ำอิสระก็ตาม แต่การเปิดตัวสู่สายตาผู้ชมทั่วประเทศนั้นได้เริ่มต้นในรายการลูช่าอันเดอร์กราวด์ในปี 2014 ซึ่งพรินซ์พูม่าในเวลานั้นก็ได้เริ่มต้นขึ้นปล้ำในฐานะนักมวยปล้ำระดับสูงของค่ายทันที ก่อนที่เขาจะกลายเป็นแชมป์ใหญ่ของสมาคมด้วยการเอาชนะในเอซเทค วอร์แฟร์ครั้งแรกได้นั่นเอง ก่อนที่เขาจะถือเข็มขัดเส้นนี้ไปจนถึงตอนจบของซีซั่นที่แรกเขาพ่ายแพ้ต่อมิล มูเออร์เตส                หลังจากที่ริโคเช่ภายใต้หน้ากากนั้นได้เสียแชมป์ไปแล้ว เจ้าตัวก็ได้มีเรื่องราวกับทางตำนานของวงการอย่างเรย์ มิสเตอร์ริโอ โดยทั้งคู่ได้จับคู่กันเพื่อคว้าแชมป์ทรีโอร่วมกับเอลดราก้อน เอซเทก้ามาได้ ก่อนที่ต่อมาทั้งสองจะท้าเจอกันเพื่อชิงความเป็นหนึ่งแทน ซึ่งสุดท้ายจะเป็นราชันย์แห่งวงการที่เอาชนะไปได้ จนกระทั่งในซีซั่นสุดท้ายนั้นเจ้าตัวจะขอท้าชิงแชมป์ลูช่าอันเดอร์กราวน์อีกครั้งพร้อมกับเอาอาชีพในสมาคมเป็นเดิมพันอีกด้วย ริโคเช่ ภายใต้หน้ากากนั้นได้เสียแชมป์ไปแล้ว                แน่นอนว่ากลายเป็นริโคเช่ที่พ่ายแพ้ไปพร้อมกับปิดฉากอาชีพในลูช่าอันเดอร์กราวด์อีกด้วย แม้ว่าเขาจะมีปัญหาเรื่องสัญญากับทางค่ายเดิมก็ตาม แต่สุดท้ายแล้วช่วงเวลาที่เจ้าตัวกลายเป็นพรินซ์พูม่านั้นก็ถือว่า เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของนักมวยปล้ำคนนี้ โดยเฉพาะการเปลี่ยนบทบาทของตัวเองจากการเป็นนักมวยปล้ำที่เน้นการบินท่าสวยๆ ไปสู่การเล่าเรื่องบนเวทีแทน

Continue Reading
จอน มอกซ์ลีย์

จอน มอกซ์ลีย์ กับความสำคัญของแชมป์โลกเออีดับเบิ้ลยูของมวยปล้ำ

ข่าวกีฬาต่างประเทศเรียกได้ว่าเป็นชีวิตใหม่ของ จอน มอกซ์ลีย์ เลยทีเดียว ซึ่งปัจจุบันเขาเป็นแชมป์โลกประจำสมาคมออลอีลีทเรสลิ่งที่กำลังมาแรงอยู่ในขณะนี้ โดยเขาได้ให้สัมภาษณ์กับสก็อต ฟิชแมนจากทีวีอินไซเดอร์ว่าเข็มขัดที่เขาครอบครองอยู่นั้นถือว่ามีความสำคัญอย่างมากและเป็นรางวัลสูงสุดสำหรับวงการมวยปล้ำ แม้ว่าทางโคดี้เพื่อนร่วมสมาคมของเขาจะประกาศว่าแชมป์ทีเอนทีที่เจ้าตัวเป็นแชมป์อยู่ก็สำคัญไม่แพ้กันก็ตาม                ในอาชีพของ จอน มอกซ์ลีย์ นั้นเขาถือว่าประสบความสำเร็จมาตั้งแต่อยู่ในสมาคมอิสระ เมื่อเข้าคว้าแชมป์ประจำสมาคมคอมแบตโซน ก่อนที่จะได้ย้ายไปสู่สมาคมดับเบิ้ลยูดับเบิ้ลยูอีพร้อมคว้าแชมป์สำคัญได้มากมายและเป็นแกรนด์สแลมหรือแชมป์หลักสี่เส้นจนจบอีกด้วย จนกระทั่งในปี 2019 ที่เขาตัดสินใจลาออกจากสมาคมและย้ายมาสู่ออลอีลีทเรสลิ่งจากคำเชิญชวนของคริส เจอริโก้นั่นเอง                หลังจากที่มอกซ์ลีย์ได้ย้ายมาสมาคมใหม่แล้วนั้น เขาก็ใช้เวลาไม่นานก่อนที่จะคว้าแชมป์โลกมาจากคริส เจอริโก้ได้ในรายการเรฟโวลูชั่นในช่วงต้นปี 2020 พร้อมทั้งป้องกันแชมป์จากนักมวยปล้ำมากมายไม่ว่าจะเป็นเจค เฮกเกอร์ มิสเตอร์โบรดี้ ลีหรือแลนซ์ อาร์เชอร์ โดยเขาได้มองว่าการทุ่มเทของเจ้าตัวนี้เองที่ทำให้เข็มขัดเส้นนี้กลายเป็นแชมป์ที่มีคุณค่ามากของวงการนี้และเขาก็ป้องกันตำแหน่งด้วยความภูมิใจเช่นกัน จอน มอกซ์ลีย์ นั้นเขาถือว่าประสบความสำเร็จมาตั้งแต่อยู่ในสมาคมอิสระ                แม้ว่าทางมอกซ์ลีย์จะชี้ชัดว่าเข็มขัดของเขาคือแชมป์โลกตัวจริงก็ตาม แต่ในสมาคมเดียวกันนั้นก็ยังมีเข็มขัดอย่างทีเอนที ซึ่งเป็นเส้นที่โคดี้เจ้าของตำแหน่งมองว่าเป็นเส้นที่สำคัญที่สุดในสถานีโทรทัศน์นั่นเอง แต่ทางจอนก็มองว่าเขาไม่สนใจที่จะมาทำสงครามข้อความกับโคดี้ผ่านทวิตเตอร์อย่างที่ฝ่ายหลังเขียนข้อความไว้นั่นเอง

Continue Reading
แชมป์เพียว

แชมป์เพียว เข็มขัดแสนบริสุทธิ์ของวงการมวยปล้ำสมาคมอาร์โอเอช

ข่าวกีฬาต่างประเทศวันนี้นับเป็นเสน่ห์ของวงการมวยปล้ำอย่างหนึ่ง สำหรับ แชมป์เพียว ของสมาคมอาร์โอเอชที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นตัวแทนของเข็มขัดระดับกลาง โดยมีกติกาพิเศษอยู่สามข้อด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการเสียแชมป์ได้ทุกวิธีซึ่งต่างออกไปจากแชมป์เส้นอื่นๆ ที่เจ้าของตำแหน่งจะเสียเข็มขัดเมื่อมีการทำฟาวล์หรืออยู่นอกเวทีจนกรรมการนับถึงสิบ แต่ทว่าเข็มขัดเส้นนี้ก็มีอายุได้เพียงสองปีเท่านั้นก่อนจะเกิดการรวมแชมป์ในเวลาต่อมา                สำหรับ แชมป์เพียว คนแรกของสมาคมอาร์โอเอชนั้นก็คือเอเจ สไตล์นักมวยปล้ำมากฝีมือนั่นเอง โดยเขาสามารถเอาชนะผู้เข้าแข่งขันทั้งแปดคนในทัวร์นาเมนท์ที่ต้องสู้ให้จบภายในค่ำคืนเดียว ก่อนที่ต่อมาเขาจะประสบปัญหาเรื่องสัญญากับสมาคมทีเอนเอจนทำให้เขาถูกปลดแชมป์ ก่อนที่จะเกิดการสร้างทัวร์นาเมนต์ขึ้นมาใหม่อีกครั้งและคราวนี้ก็เป็นยอดฝีมือจากอังกฤษอย่างดัก วิลเลี่ยมเอาชนะไปได้นั่นเอง                หลังจากที่ดัก วิลเลี่ยมได้เริ่มต้นเส้นทางของแชมป์เพียวอย่างเป็นทางการนั้น นักมวยปล้ำที่สร้างชื่อให้แก่เข็มขัดนี้ที่แท้จริงก็คือไนเจล แมคกินเนสนักมวยปล้ำจากประเทศอังกฤษอีกคนที่สามารถครองตำแหน่งได้นานมาถึง 350 วัน รวมทั้งป้องกันแชมป์ได้ทั้งสิ้น 16 ครั้ง ก่อนที่ต่อมาเขาจะมาแพ้ให้กับแมตช์รวมแชมป์ที่เจอกับไบรอัน เดเนี่ยลสันที่ครองแชมป์โลกในขณะนั้น ก่อที่สุดท้ายทางไบรอันจะยกเข็มขัดเส้นนี้ให้ไนเจลและยกเลิกการมีอยู่ของเส้นเพียวในที่สุด                แม้ว่าแชมป์เพียวจะถูกยุติไปนานถึง 14 ปีก็ตาม แต่สุดท้ายทางสมาคมอาร์โอเอชก็ได้นำเข็มขัดเส้นบริสุทธิ์นี้กลับมาอีกครั้ง โดยมีการจัดทัวร์นาเมนต์ทั้ง 16 คนเพื่อแย่งชิงตำแหน่งนี้อีกครั้ง ก่อนที่สุดท้ายจะเป็นทางโจนาธาน เกรแชมที่กลายเป็นผู้ชนะและเจ้าของตำแหน่งคนที่ 8 ของเข็มขัดเส้นนี้นั่นเอง

Continue Reading