บทความข่าวต่างประเทศวันนี้เสนอเรื่องสำหรับคนที่เป็นนักวิ่งก็คงจะใฝ่ฝันหางานวิ่งที่ตัวเองอยากจะไปวิ่งซึ่งในประเทศไทยนั้นก็มีงานวิ่งจัดอยู่เป็นประจำซึ่งมันจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทนั่นก็คืองานวิ่งบนถนนที่เรารู้จักกันในชื่อต่างๆ อย่างเช่น มินิมาราธอน ฮาล์ฟมาราธอน และ มาราธอน Did Not finish
รวมไปถึงระยะที่ท้าทายอย่างอัลตร้ามาราธอน ส่วนงานวิ่งอีกประเภทหนึ่งก็คืองานวิ่งเทรล ที่เป็นการกีฬาวิ่งวิบากไปตามเขาหรือว่าตามป่า แต่ละงานวิ่งจะให้ความรู้สึกต่อผู้ที่ลงไปวิ่งในสนามนั้น ๆ แตกต่างกันออกไป ทำให้มีความสนุกที่หลากหลายและมีคนหลายคนที่ออกไปวิ่งไกลๆบ้างเพื่อที่จะได้ออกไปท่องเที่ยวและได้ชมบรรยากาศในขณะที่วิ่งที่แตกต่างจากเดิม
แต่ในการวิ่งแต่ละสนามนั้นก็ต้องมีระยะทางรวมถึงระยะเวลากำหนดอยู่การที่เราวิ่งไม่จบตามเวลาที่เขากำหนดหรือวิ่งไม่จบเพราะอาการบาดเจ็บนั่นหมายถึงว่าเราไม่เข้าเส้นชัยในสนามการแข่งขันนั้นซึ่งสำหรับนักวิ่งแล้วเราจะเป็นที่รู้กันว่าการวิ่งไม่จบการแข่งขันหรือ Did Not finish เป็นฝันร้าย
ซึ่งDid Not finishเป็นสิ่งที่นักวิ่งไม่อยากจะเผชิญมันเหมือนว่าเราไม่ได้เข้าร่วมการแข่งขันนั้นถึงแม้ว่าเราจะเข้าร่วมก็ตามแต่ว่าเราก็ทำเป้าหมายของเราไม่สำเร็จ มันคงเป็นความเจ็บปวดมากถ้าเราตั้งใจจะมาลงแข่งขันแล้วแต่ว่าแข่งไม่จบ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าในครั้งต่อไปเราจะ DNF อีกครั้ง
Did Not finishเป็นเพียงแค่บททดสอบของเรา สาเหตุที่เราไม่สามารถวิ่งจนจบการแข่งขันได้อาจจะเป็นเพราะว่าเรานั้นยังฝึกซ้อมมาไม่เพียงพอทำให้ไม่สามารถวิ่งตามเวลาได้หรือร่างกายของเรานั้นยังไม่ได้มีความแข็งแรงพอที่จะวิ่งจนเข้าเส้นชัยในสนามวิ่งได้มันจึงทำให้เราได้รับบาดเจ็บ
Did Not finishหรือ DNF เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของการพัฒนาร่างกายของตัวนักวิ่งเพียงเท่านั้น อย่าไปใส่ใจกับการวิ่งไม่จบมากนัก ล้มแล้วเรายังลุกได้ วิ่งไม่จบเราก็วิ่งให้จบได้ ออกไปซ้อมแล้วทำให้ร่างกายของเราแข็งแกร่งเพื่อมาพิชิตเส้นชัยในครั้งต่อไปกันเถอะ สู้ๆนะครับนักวิ่งทุกคนขอให้จบการแข่งขันในทุกรายการที่ได้ลงแข่งขัน