การครองเจ้าเหรียญทองของ “สหรัฐอเมริกา” เป็นการครอง เจ้าเหรียญทอง ในสมัยที่ 16 ตั้งแต่ส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันมายาวนาน และทำสำเร็จในครั้งนี้สำหรับโอลิมปิก “โตเกียวเกมส์ 2020” ซึ่งเริ่มพิธีปิดอย่างเป็นทางการ ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น มีนักกีฬาเข้าร่วมพิธีเปิดอย่างคับคั่งให้สอดคล้องกับมาตรการควบคุม COVID-19 ข่าวกีฬาต่างประเทศ
แต่ก็เรียกได้ว่าจัดได้ดีสมราคากับความเป็นญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังมีการขอบคุณทีมงานที่ทำให้การแข่งขันกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติเป็นไปอย่างราบรื่น และสำเร็จได้ด้วยดี จึงเป็นที่มาของ “ความสำเร็จล้วนเกิดจากความร่วมมือทุกคน”
มีไม่น้อยที่ต่างลุ้นว่าใครจะเป็นเจ้าเหรียญทองในการแข่งขัน เมื่อ 8 สิงหาคม ได้ปิดม่านอย่างเป็นทางการสำหรับมหกรรมกีฬาโอลิมปิก “โตเกียวเกมส์ 2020” ซึ่งผู้ที่จะรับไม้ต่อในโอลิมปิกครั้งต่อไปคือ “ปารีส 2024” ประเทศฝรั่งเศสซึ่งจะเป็นเจ้าภาพในอีก 3 ปีข้างหน้า การขับเคี่ยวกันเพื่อขึ้นอันดับ เจ้าเหรียญทอง ในประวัติศาสตร์การแข่งขันกีฬาโอลิมปิก
โดย “สหรัฐอเมริกา” คว้าจำนวนเหรียญรางวัลทั้งหมด 39 เหรียญทอง 41 เหรียญเงิน 33 เหรียญทองแดง ซึ่งแซงจีนที่จะทำขึ้นเป็นเจ้าเหรียญทองไปอย่างฉิวเฉียด ขึ้นเป็นอันดับ 1 ของตารางสรุปเหรียญรางวัลตลอดการแข่งขันในครั้งนี้ ส่วน “จีน” เป็นอันดับ 2 รองจากสหรัฐอเมริกา
โดยทำจำนวนเหรียญรางวัลทั้งหมด 38 เหรียญทอง 32 เหรียญเงิน 18 เหรียญทองแดง เรียกได้ว่าเฉียดมากพอสมควร แต่ก็เป็นผลประสบความสำเร็จในการเป็นเจ้าเหรียญทองอีกด้วย ในขณะที่เจ้าภาพ “ญี่ปุ่น” เขยิบขึ้นมาเป็นลำดับที่ 3 ด้วยจำนวน 27 เหรียญทอง 14 เหรียญเงิน 17 เหรียญทองแดง
แต่ก็เป็นผลความสำเร็จในฐานะนักกีฬาฝั่งเจ้าภาพที่พัฒนาจนติดอันดับ เจ้าเหรียญทอง
ในบ้านของตนเองได้อย่างประทับใจส่วนประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 59 จากการคว้า 1 เหรียญทองจาก “เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ จากกีฬาเทควันโด รุ่น 49 กิโลกรัมหญิง
และ 1 เหรียญทองแดงจาก “แต้ว” สุดาพร สีสอนดี จากกีฬามวยสากลในรุ่น 60 กิโลกรัมหญิง แต่เป็นอันดับที่ 3 ของอาเซียนที่ทำเหรียญรางวัลในการแข่งขันโอลิมปิก และเป็นอันดับที่ 12 ของเอเชีย
ในภาพรวมถือว่าเป็นปีแห่งพลังหญิงอย่างแท้จริง เพราะจากการทำเหรียญรางวัลนั้น ส่วนมากมักจะเป็นผู้หญิงเสมอในการทำผลงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ติดอันดับเจ้าเหรียญทองจากการแข่งขันในครั้งนี้
อย่างไรก็ตามเราก็ยังเสียดายในนักกีฬาชาย และกีฬาความหวังประเภทอื่นอย่างมาก แต่เราก็ยังมีความหวังต่อไปในการแข่งขันโอลิมปิกในครั้งหน้าปี 2024 ที่จะถึงในอีก 3 ปีข้างหน้าว่าเราจะได้เห็นผลงานของนักกีฬาไทยว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป