คาลิล เราท์ทรี

คาลิล เราท์ทรี กับ มาร์ซิน พราชนิโอทที่เป็นนักสู้ในรุ่นไลท์เฮฟวี่เวท

ถือเป็นแมตช์ประกอบรายการที่น่าดูไม่น้อย สำหรับการเจอกันของ คาลิล เราท์ทรี กับมาร์ซิน พราชนิโอทที่เป็นนักสู้ในรุ่นไลท์เฮฟวี่เวท โดยพวกเขาจะได้เจอกันในรายการยูเอฟซี่ครั้งที่ 257 ในวันที่ 23 เดือนมกราคมปี 2021 ที่จะมีแมตช์การกลับมาของคอนเนอร์ แมคเกรเกอร์มาเป็นคู่เอกประจำค่ำคืน แม้ว่าก่อนหน้านี้นั้นทางคาลิลจะเริ่มมีแผนเตรียมแขนมและลาสังเวียนไป แต่ทว่าเจ้าตัวกลับเปลี่ยนใจ เมื่อเขายังคงต้องการแก้มือจากไฟท์ระหว่างเจ้าตัวกับไอออน คูเคลาบาที่เขาเคยแพ้ไปตั้งแต่ปี 2019 นั่นเอง                ตามกำหนดการเดิมนั้นทาง คาลิล เราท์ทรี จะต้องขึ้นชกในเดือนมีนาคมที่ผ่านมาให้แก่สมาคมยูเอฟซี แต่ทว่าการมาของไวรัสโควิดได้ทำให้พวกเขาไม่สามารถจัดรายการได้ตามปกติจนทำให้แผนการกลับมาของเขาถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนดจนทำให้เขาต้องห่างจากสังเวียนไปนานกว่าเดิม โดยสถิติตลอดอาชีพของเขานั้นอยู่ในระดับกลางด้วยการชนะ 4 ครั้ง แพ้ 4 ครั้งพร้อมกับไม่มีการตัดสินอีกหนึ่งครั้ง พร้อมกับรอเจอคู่ต่อสู้ที่กำลังต้องการชัยชนะในสมาคมนี้เช่นกัน                ในส่วนคู่ต่อสู้ของเราท์ทรีนั้นคือมาร์ซิน พราชโอนี ซึ่งยังไม่เคยเอาชนะใครได้เลยในสมาคม นับตั้งแต่การเจอกับแซม อัลเวย์ มาโกเมด อันคาเลฟและไมค์ โรดิเกวซที่จบลงด้วยชัยชนะของคู่แข่งทั้งสาม แม้ว่าก่อนหน้านี้ตัวของพราชโอนีจะเคยครองสถิติไม่แพ้ใครเลยตลอดแปดไฟท์ในสมาคมอย่างวันแชมป์เปี้ยนชิพนั่นเอง ซึ่งคงเป็นโอกาสอันดีที่นักชกมวยในรุ่นไลท์เฮฟวี่เวทจะมีโอกาสได้พิสูจน์ตัวเองอีกครั้งผ่านสังเวียนยูเอฟซีครั้งที่ 257 นั่นเอง คาลิล เราท์ทรี จะต้องขึ้นชกในเดือนมีนาคมที่ผ่านมาให้แก่สมาคมยูเอฟซี                นับว่าเป็นไฟท์ที่น่าสนใจไม่น้อยสำหรับการเจอกันของคาลิล เราท์ทรีกับมาร์ซิน พราชโอนี่ที่ผ่านแรกก็เคยพ่ายแพ้มาจนต้องการจะกอบกู้ชื่อเสียงอีกครั้ง ส่วนอีกฝ่ายก็คือนักสู้ที่เคยมีผลงนแข็งแกร่งจนไร้พ่ายมาก่อน จนกระทั่งต้องการพิสูจน์ตัวเองว่าตัวเขาดีพอจะสู้กับคนอื่นในรุ่นไลท์เฮฟวี่เวทนี้ได้เช่นกัน […]

Continue Reading
เดฟสัน ฟิเกวโด้

เดฟสัน ฟิเกวโด้ กับการป้องกันแชมป์ฟลายเวทไว้ได้เฉียดฉิว

เป็นการเอาตัวรอดได้อย่างเฉียดฉิวสำหรับทาง เดฟสัน ฟิเกวโด้ ที่สามารถป้องกันแชมป์ฟลายเวทของสมาคมยูเอฟซีของตัวเองไว้ได้จากผลเสมอกับนักชกชาวเม็กซิกันอย่างแบรนดอน โมเรโน่ใรคู่เอกของรายกรยูเอฟ 256 ที่เมืองลาสเวกัสนั่นเอง โดยก่อนหน้านั้นทางเจ้าของตำแหน่งได้เพิ่งขึ้นชกป้องกันแชมป์กับผู้ท้าชิงอย่างอเลกซ์ เปเรซไปในเดือนพฤศจิกายนที่เขาเจองานง่ายและสามารถเอาชนะไปได้ในยกแรกเท่านั้น ทว่าในไฟท์ป้องกันแชมป์ครั้งที่สองนั้นกลับไม่ง่ายอย่างที่คิดเลยทีเดียว                ในไฟท์ป้องกันแชมป์ครั้งที่สองของทาง เดฟสัน ฟิเกวโด้ นั้น เขาได้พยายามโจมตีด้วยการชกที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา แต่ทว่าคู่ชกอย่างแบรนดอน โมเรโน่กลับแข็งแกร่งกว่าที่คาดไว้ อีกทั้งยังมีช่วงที่ต้องสั้นบนพื้นตามถนัดของโมเรโน่ที่มีทักษะมวยปล้ำจนทางแชมป์ฟลายเวทนั้นเกือบเอาตัวไม่รอดเช่นเดียวกัน รวมถึงมีช่วงหนึ่งที่ทางเดฟสันต้องเสียท่าโดนตัดคะแนนไปหลังจากที่บังเอิญไปเตะเข้าที่เป้าของผู้ท้าชิงจนต้องลงไปนอนกอง ซึ่งทางกรรมการก็ไม่มีทางเลือกจนต้องทำโทษไปนั่นเอง                เมื่อถึงเวลาการตัดสินระหว่างเดฟสัน ฟิเกวโด้กับแบรนดอน โมเรโน่มาถึงนั้นก็เป็นทางแชมป์ที่ได้คะแนนไป 48 ต่อ 46 กับกรรมการอีกสองคนที่ให้คะแนนเสมอกันที่ 47 แต้มจนทำให้สรุปผลเป็นการเสมอพร้อมกับการป้องกันแชมป์น้ำหนักไม่เกิน 125 ปอนด์ไปได้ในที่สุด จนทำให้ทางเจ้าของตำแหน่งมีปี 2020 ที่น่าจดจำผ่านการชกโจเซฟ เบนาวิเดซพร้อมกับป้องกันแชมป์กับเปเรซในเวลาต่อมา จนเป็นเหตุให้ดาน่า ไวท์ประธานสมาคมเลือกจะช้านเขาให้ขึ้นชกอีกครั้งในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา                นับว่าเป็นช่วงขาขึ้นของเดฟสัน ฟิเกวโด้ก็ว่าได้ที่สามารถถือแชมป์ฟลายเวทก้าวข้ามปี 2020 อย่างสวยงาม ซึ่งจากปากของดาน่า ไวท์นั้น เขาถือว่าแมตช์ระหว่างเจ้าตัวกับอเลกซ์ เปเรซนั้นเป็นแมตช์การชกของนักสู้รุ่นฟลายเวทที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของสมาคมเลยทีเดียว ติดตามข่าวกีฬามากมายทั้งข่าวกีฬาในประเทศและข่าวกีฬาต่างประเทศ

Continue Reading
คลาเรสซ่า ชิลด์

คลาเรสซ่า ชิลด์ กับการผันตัวเข้าสู่วงการต่อสู้ในกรงอย่างจริงจัง

เป็นอีกก้าวหนึ่งของอาชีพนักสู้จากทางแชมป์โลกถึงสามรุ่นอย่าง คลาเรสซ่า ชิลด์ ที่เตรียมจะผันตัวไปลงแข่งขันแบบศิลปะป้องกันตัว พร้อมกับต้องการสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นแชมป์โลกของกีฬาทั้งสองพร้อมกันอีกด้วย โดยทางนักกีฬาโอลิมปิกสองสมัยรวดนั้นยังมีสถิติที่สวยงามในการชกแบบมืออาชีพด้วยการเอาชนะได้มากถึง 10 ไฟต์รวด พร้อมต้องการจะเปลี่ยนไปหาความท้าทายใหม่นั่นเอง                การเปลี่ยนเส้นทางกีฬาของ คลาเรสซ่า ชิลด์ นั้นก็เริ่มต้นจากการเข้าร่วมในพีเอฟแอลหรือลีกนักสู้มืออาชีพที่เธอได้เปิดเผยว่า เธอต้องการจะทำในสิ่งที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อนและนั่นก็คือครองตำแหน่งแชมป์โลกในกีฬามวยอาชีพและศิลปะป้องกันตัวในเวลาเดียวกันนั่นเอง ซึ่งเธอเองก็มีต้นแบบอย่างโบ แจ็คสันและดีออน แซนเดอส์ที่สามารถเอาดีได้ถึงกีฬาทั้งสองประเภทอย่างเบสบอลกับอเมริกันฟุตบอลอีกด้วย                เมื่อย้อนเวลากลับไปตั้งแต่ที่คลาเรสซ่า ชิลด์ได้กลายเป็นนักกีฬามืออาชีพแล้วนั้น เธอก็มีเป้าหมายเดียวเท่านั้น ซึ่งนั้นก็คือการเป็นผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาลและต้องการเป็นนักกีฬาแบบแจ็คสันกับแซนเดอร์อีกด้วย สิ่งที่ทำให้เธอสนใจในลีกพีเอฟแอลนั้นก็คือการเป็นองค์กรที่เน้นการต่อสู้เป็นหลัก โดยที่เธอเองก็รอคอยที่จะแสดงฝีมือในการต่อสู้แบบนี้แล้ว รวมถึงจะเริ่มเข้าร่วมลีกในปี 2022 คลาเรสซ่า ชิลด์ นั้นก็เริ่มต้นจากการเข้าร่วมในพีเอฟแอลหรือลีกนักสู้มืออาชีพ                หากทางคลาเรสซ่า ชิลด์สามารถทำได้อย่างที่เธอว่าไว้นั้นก็อาจเป็นจุดเริ่มต้นของตำนานนักชกหญิงคนนี้อย่างแน่นอน เนื่องจากมีนักสู้ศิลปะป้องกันตัวอยู่ไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถก้าวไปถึงจุดสูงสุดของวงการต่อสู้อย่างจริงจังทั้งสอง ซึ่งไม่นับกีฬามวยปล้ำที่มีอดีตแชมป์โลกมากมายเข้าไปต่อยอดประสบความสำเร็จมาแล้วเช่นกัน ติดตามต่อในข่าวกีฬาต่างประเทศ

Continue Reading
คูแบรต ปูเลฟ

คูแบรต ปูเลฟ กับเป้าหมายที่จะแชมป์ไปเจอกับไทสัน ฟิวรี่

อาจเป็นผลที่พลิกล็อคก็ว่าได้ หากทาง คูแบรต ปูเลฟ สามารถเอาชนะแอนโธนี่ย์ โจชัวขึ้นมาได้จริงๆ จนกระชากแชมป์ทั้งสี่สถาบันของเจ้าตัวไปครอง แม้ว่านักชกจากประเทศบัลแกเรียจะมีอายุมากถึง 39 ปีแล้วก็ตามที นอกจากนี้เขายังมีเป้าหมายที่จะก้าวขึ้นไปเจอกับนักชกรุ่นเฮฟวี่เวทชื่อดังอีกคนอย่างไทสัน ฟิวรี่อีกด้วย ซึ่งมันจะกลายเป็นการชิงแชมป์ทั้งสี่สถาบันเป็นครั้งแรกอีกด้วย โดยทางนักชกอย่างคูแบรตก็เคยแพ้มาแค่ครั้งเดียวจากตลอด 29 ไฟท์จากฝีมือของวลาดิเมียร์ คริทช์โก้ในปี 2014 หรือ 6 ปีก่อนนั่นเอง ติดตามต่อในข่าวกีฬาต่างประเทศ                จากความมุ่งมั่นนี้เองที่ทำให้ทาง คูแบรต ปูเลฟ ได้ออกมาพูดก่อนขึ้นชกไว้ว่า ตัวเขาเห็นข้อผิดพลาดมากมายจากแอนโธนีย์มาแล้ว และเขาเชื่อว่าข้อผิดพลาดเหล่านั้นยังอยู่ในตัวของแชมป์คนนี้ โดยสิ่งที่สำคัญที่สุดในไฟท์นี้ก็คือผลงานของตัวเองที่จะสามารถทำได้ดีแค่ไหน หากเขารักษาผลงานได้เขาก็จะเอาชนะได้อย่างแน่นอน เพราะตอนนี้เขารู้สึกแข็งแรงและทรงพลังานมากๆ  นี่ไม่ใช่การชกสำหรับเขาคนเดียว แต่มันคือผลงานของชาวบัลแกเรียทุกคนเพราะไม่เคยมีใครจากประเทศของเขาก้าวปึงระดับแชมป์โลกเฮฟวี่เวทมาก่อนอีกด้วย                นอกจากนี้ทางคูแบรต ปูเลฟก็ได้ออกมาพูดถึงเป้ามหายในอนาคตของเขาหลังจากจบไฟท์นี้ก็คือการขึ้นชกกับนักมวยคนดังอย่างไทสัน ฟิวรี่ เพราะเขาเชื่อเลยว่าไฟท์ที่ทุกคนรอคอยอย่างโจชัวร์เจอกับไทสันจะไม่เกิดขึ้นแน่นอน เนื่องจากทางคูแบรตจะสามารถคว้าแชมป์ทั้งสามสถาบันอย่างดับเบิ้ลยูบีโอ ไอบีเอฟและดับเบิ้ลยูบีเอมาครองได้นั่นเอง รวมถึงบอกกับแฟนมวยทั่วโลกไว้ว่า พวกเขาต้องการแชมป์โลกคนใหม่ แชมป์โลกแบบตัวเขาคนนี้                นับว่าเป็นคำพูดที่น่าสนใจไม่น้อย สำหรับทางคูแบรต ปูเลฟที่ออกมาท้าทายและแสดงความมั่นใจก่อนจะขึ้นชิงแชมป์กับแอนโธนีย์ โจชัวร์ แม้ว่าจะต้องเจอกับคู่แข่งที่อายุน้อยกว่าก็ตาม แต่ดูเหมือนว่าทั้งประสบการณ์และสถิติของนักชาวบัลแกเรียนี้ไม่ได้ด้อยกว่าเลย จนทำให้แนมวยอาจได้ชมการชกระหว่างเขากับไทสัน ฟิวรี่ในอนาคตได้เช่นกัน

Continue Reading
มวยสากล

มวยสากล ครั้งนี้เป็นคู่ที่เหล่าแฟนมวยต่างตั้งตารอคอยมาอย่างยาวนาน

โปรแกรมมวยดังในวันที่ 13 ธันวาคม 2563 เป็นวันเดียวที่มีรายการการแข่งขันชก มวยสากล ที่นักชกทั้งสองคู่จะลงทำการแข่งขันในวันเดียวกัน ในสองรุ่น ได้แก่ แบนตั้มเวต และ ซูเปอร์เฟเธอร์เวต การแข่งขันในครั้งนี้ทำให้แฟนมวยต่างเกิดความลังเลใจว่าจะเลือกเชียร์เลือกชมมวยคู่ไหนดี เพราะทั้งคู่ต่างเป็นมวยคู่นัดท้าชิงที่ดุเดือดที่สุดส่งท้ายปี ติดตามต่อในข่าวกีฬาต่างประเทศ นักชกในคู่แรกรุ่น แบนตั้มเวต ได้แก่ โนนิโต้ โนแนร์ ปะทะ เอ็มมานูเอล โรดริเกวซ เป็นการท้าชิงขอทั้งคู่เพื่อค้นหาว่าใครจะเป็นผู้เหมาะสมในรุ่นแบนตั้มเวตที่ยังมีพื้นที่ในตำแหน่งว่างอยู่ หากใครสามารถเอาชนะในการแข่งครั้งนี้ได้ จะได้ครองเข็มขัดยาวถึงปีหน้าเลยทีเดียว นักชกในคู่ที่สองรุ่น ซูเปอร์เฟเธอร์เวต ได้แก่ มิเกล เบอร์เซลท์ ปะทะ ออสก้า วัลเดซ เป็นการชิงแชมป์ของยอดมวยเดือดอีกคู่หนึ่งที่ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่งในศึก มวยสากล ครั้งนี้ เพราะเป็นคู่ที่เหล่าแฟนมวยต่างตั้งตารอคอยมาอย่างยาวนาน มวยสากล ที่นักชกทั้งสองคู่จะลงทำการแข่งขันในวันเดียวกัน                ไม่ว่าจะอย่างไรก็แล้วแต่ ในวันที่ 13 ธันวา นับว่าเป็นหนึ่งของศึกแห่งประวัติศาสตร์ที่เหล่านักมวยชื่อดังทั้ง 4 คน จะได้ขึ้นสังเวียนพร้อมกันในวันเดียวเพื่อทำการแข่งขัน แฟนมวยที่ต่างตั้งตารอจะไม่มีวันผิดหวังอย่างแน่นอน ด้วยชื่อเสียงและผลงานที่การรันตรีด้วยแชมป์และเกียรติประวัติที่นักชกมวยสากลแต่ละคนนั้นพกมา ทำให้โปรแกรมมวยการแข่งขันนี้เป็นไปอย่างดุเดือดแน่นอน ท่านที่มีความรักในกีฬามวยอย่างแท้จริง จงเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมกับความบ้าคลั่ง และความสนุกแบบสุดปรอท […]

Continue Reading
ฟรอยด์ เมเวทเธอร์จูเนียร์

ฟรอยด์ เมเวทเธอร์จูเนียร์ ได้ออกมายืนยันว่าตัวเขาจะขึ้นชกกับยูทูบเบอร์คนดังอย่าง โลแกน พอล

ข่าวกีฬาต่างประเทศวันนี้ถือว่าน่าจะเป็นไฟท์ที่น่าสนใจไม่น้อย เมื่อทาง ฟรอยด์ เมเวทเธอร์จูเนียร์ ได้ออกมายืนยันว่าตัวเขาจะขึ้นชกกับยูทูบเบอร์คนดังอย่างโลแกน พอลในรูปแบบของมวยโชว์แบบที่ไมค์ ไทสันกับรอย โจน จูเนียร์เพิ่งขึ้นชกกันไปในช่วงเดือนพฤศจิกายนนั่นเอง โดยไฟท์ที่ว่าจะเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2021 และทางแชมป์โลกทั้ง 5 รุ่นนี้ยังคงมีสถิติไร้พ่ายจากการขึ้นชกมวยอาชีพมาตลอด 50 นัดจนกระทั่งเขาได้ประกาศแขวนนวมไปช่วงก่อนหน้านี้นั่นเอง                ด้วยอายุของ ฟรอยด์ เมย์เวทเธอร์จูเนียร์ เองที่ 43 ปีนั้นจึงทำให้เจ้าตัวคิดว่าตัวเองไม่เหมาะที่จะขึ้นสังเวียนชกอีกต่อไป แต่ทางคู่ต่อสู้ของเขาครั้งนี้กลับไม่ใช่นักมวยอาชีพแต่อย่างใด ซึ่งทางโลแกน พอลนั้นมีชื่อเสียงมากจากการทำช่องยูทูบที่มีคนติดตามมากกว่า 22 ล้านคนทั่วโลกและเจ้าตัวเคยขึ้นชกกับคนดังในโลกออนไลน์เช่นกันอย่าง เคเอสไอที่สามารถเอาชนะพอลได้มาแล้วในปี 2019 โดยทางพอลนั้นเคยออกมาท้าทายนักแชมป์ไร้พ่ายมาก่อนหน้านี้แล้ว จนกระทั่งเกิดเป็นไฟท์มวยโชว์ขึ้นมาในที่สุด                สำหรับการชกครั้งสุดท้ายของฟรอยด์ เมย์เวทเธอร์จูเนียร์นั้นได้เกิดขึ้นในปี 2018 ที่เจ้าตัวได้รับคำท้าทายมาจากนักสู้คิกบอกซิ่งจากประเทศญี่ปุ่นอย่างเทนชิน นาซึกะวาที่จบลงด้วยเวลาเพียง 140 วินาทีหรือไม่ถึง 3 นาทีด้วยการชนะน็อคพร้อมกับรับค่าตัวไปถึง 9 ล้านดอลลาร์สหรัฐไปอย่างง่ายดาย ส่วนทางด้านพี่น้องตระกูลพอลอีกคนอย่างเจคนั้นก็เพิ่งจะแสดงผลงานการชกที่ยอดเยี่ยมด้วยการเอาชนะนักบาสเกตบอลอย่างเนต โรบินสันมาได้พร้อมกับเสียงวิจารณ์เรื่องความพร้อมของนักชกอีกด้วย การชกครั้งสุดท้ายของ ฟรอยด์ เมย์เวทเธอร์จูเนียร์ นั้นได้เกิดขึ้นในปี 2018                นับว่าการคืนสังเวียนของฟรอยด์ เมย์เวทเธอร์นั้นอาจไม่ได้เป็นเรื่องการฝีมือแต่อย่างใด เพราะความสามารถเรื่องกีฬานั้น […]

Continue Reading
บิลลี่ โจ ซอนเดอส์

บิลลี่ โจ ซอนเดอส์ แชมป์ผู้ต้องการเจอกับผู้ท้าชิงคนต่อไป

ถือว่าเป็นการมองข้ามช็อตเลยก็ว่าได้ สำหรับทาง บิลลี่ โจ ซอนเดอส์ เจ้าของตำแหน่งแชมป์ซูเปอร์มิดเดิ้ลเวทจากสมาคมมวยดับเบิ้ลยูบีโอที่ออกมาประกาศว่าเขาต้องการเจอกับผู้ชนะในไฟท์ระหว่างคัลลัม สมิธที่จะเจอกับซัล คาเนโล่ อัลวาเรซ โดยที่ตัวของแชมป์เองก็มีคิวจะต้องป้องกันแชมป์กับมาร์ติน เมอร์เรย์อยู่เช่นเดียวกันนั่นเอง โดยก่อนหน้านี้ทางบิลลี่เคยเกือบจะได้เจอกับอัลวาเลซมาก่อนแล้วเช่นกัน ติดตามต่อในข่าวกีฬาต่างประเทศ                สิ่งที่ บิลลี่ โจ ซอนเดอร์ ได้ออกมาพูดถึงสื่อไว้ก็คือ เขาตัวคิดว่าคงจะเป็นไปได้อย่าง หากจะมีใครสักคนสามารถเอาชนะคาเนโล่ได้ หากไม่ได้รับการฝึกซ้อมที่เหมาะสม ซึ่งหากจะชนะนั้นนักมวยคนนั้นจำเป็นต้องมีสภาพร่างกายและจิตใจที่สมบูรณ์เท่านั้น โดยการฝึกซ้อมเพราะห้าหรือหกสัปดาห์นั้นคงไม่พออย่างแน่นอน นอกจากนี้ทางบิลลี่ยังเชื่อว่าทางสมิธมีความสามารถมากพอที่จะเอาชนะได้                ในขณะเดียวกันนั้นทางบิลลี่ โจ ซอนเดอร์ก็ต้องขึ้นป้องกันแชมป์ซูเปอร์มิดเดิ้ลเวทของเขาเช่นกัน โดยคู่ต่อสู้ในไฟท์นี้จะเป็นนักชกรุ่นเก๋าวัย 38 ปีอย่างมาร์ติน เมอร์เรย์ที่เคยขึ้นชิงแชมป์โลกมาแล้วถึง 4 ครั้ง แต่กลับจบลงด้วยผลเสมอกับแพ้ไปถึง 3 ครั้งด้วยกัน ซึ่งทางบิลลี่เองก็ยอมรับว่าคนอาจวิจารณ์เขาที่ต้องสู้กับคู่แข่งที่ไม่สมน้ำสมเนื้อเลย แต่ทว่าทางเมอร์เรย์เองก็ยอมรับว่ามันอาจเป็นเวลาของเขาแล้ว บิลลี่ โจ ซอนเดอร์ ก็ต้องขึ้นป้องกันแชมป์ซูเปอร์มิดเดิ้ลเวทของเขาเช่นกัน                คงจะต้องตามกันต่อไปว่าความหวังของบิลลี่ โจ ซอนเดอร์จะเป็นไปตามคาดหรือไม่ ทั้งการป้องกันแชมป์ซูเปอร์มิดเดิ้ลเวทของสมาคมดับเบิลยูบีโอและการรีแมตช์ระหว่างเขากับคัลลัม สมิธหรือซัล อัลวาเรซ ที่อาจเป็นรีแมตช์ครั้งใหญ่ในอาชีพของทั้งสองคนเลยทีเดียว

Continue Reading
เดเนียล ดูบอยส์

เดเนียล ดูบอยส์ ที่ได้รับอาการบาดเจ็บอย่างหนักที่เบ้าตาระหว่างชก

กลายเป็นเรื่องโชคร้ายไปทันทีสำหรับทางนักชกดาวรุ่งอย่าง เดเนียล ดูบอยส์ ที่ต้องพ่ายแพ้แก่นักมวยรุ่นพี่อย่างโจ จอยส์จากการยอมแพ้เนื่องจากเขามีอาการบาดเจ็บระหว่างชก ก่อนที่เขาจะต้องไปรักษาอย่างเร่งด่วนพร้อมกับสรุปว่าเป็นอาการบาดเจ็บเบ้าตา จากการถูกชกย้ำๆ จากฝีมือของจอยส์ ซึ่งถือว่าเป็นการตัดสินที่ถูกต้องของกรรมการเพื่อไม่ให้เกิดอาการบาดเจ็บหนักที่อาจมีผลต่อไปในอนาคตนั่นเอง ติดตามต่อในข่าวกีฬาต่างประเทศ                แม้ว่าในไฟท์ที่ทาง เดเนียล ดูบอยส์ จะมีคะแนนนำอยู่สองต่อหนึ่ง เมื่อเทียบกับโจ จอยซ์ก็ตาม แต่ทว่าความแม่นของหมัดแจ็บเจ้าตัวนั้นกลับทำให้ทางเดนียลจะต้องถูกกรรการยิการชกพร้อมยกชัยชนะให้กับคู่แข่งไปอย่างน่าเสียดาย โดยทันทีที่ไฟท์นั้นได้จบลงทางนักชกวัย 23 ปีก็ต้องถูกพาส่งตัวเข้าโรงพยาบาลเพื่อตรวจหาอาการทันที ก่อนที่จะมีการยืนยันว่า ทางเดเนียลจะต้องเข้ารับการผ่าตัดเลยทีเดียว                ถึงจะยังไม่มีการเปิดเผยว่าทางเดเนียล ดูบอยส์จะต้องพักรักษาตัวนานแค่ไหนก็ตาม แต่คาดกับว่าเขาน่าจะมีอาการบาดเจ็บเบ้าตาอย่างแน่นอน แม้ว่าอายุของเขาขะยังน้อยและน่าจะกลับมาแข็งแกร่งได้มากกว่าเดิมทั้งด้านร่างกายและจิตใจ โดยทางแฟรงค์ วอร์เรนอดีตแชมป์โลกก็ได้ออกมาให้กำลังใจแก่เจ้าตัวว่า ทางเดเนียลจะต้องกลับมาเพราะเขามีใจที่แข็งแกร่งพร้อมกับขึนชกต่อจนกรรมการต้องสั่งยุตินั่นเอง เดเนียล ดูบอยส์ จะมีคะแนนนำอยู่สองต่อหนึ่ง เมื่อเทียบกับโจ จอยซ์                คงจะต้องให้กำลังใจกันต่อไปสำหรับทางเดเนียล ดูบอยส์ที่ต้องพักรักษาตัวเพื่อจากการอาการบาดเจ็บเบ้าตาและอาจไม่ได้กลับมาทันภายในปี 2020 อย่างแน่นอน แต่ด้วยอายุที่ยังน้อยนั้นน่าจะทำให้นักชกคนนี้สามารถก้าวข้ามอุปสรรคครั้งนี้ พร้อมกับเป็นนักสู้ระดับสูงในอนาคตอันใกล้อย่างแน่นอน

Continue Reading
ไมค์ ไทสัน

ไมค์ ไทสัน กับการเป็นแชมป์ตอนอายุน้อยแต่เจ้าตัวกลับยอมรับว่าการประสบความสำเร็จเร็วเกินไป

แม้ว่าชื่อของ ไมค์ ไทสัน จะแจ้งเกิดในฐานะแชมป์เฮฟวี่เวทตั้งแต่อายุยังน้อยก็ตาม แต่เจ้าตัวกลับยอมรับว่าการประสบความสำเร็จเร็วเกินไปนั้นได้ส่งผลเสียกับเขาต่อด้านอารมณ์อย่างมาก โดยเขาไม่รู้สึกว่าพร้อมเลยและยังคิดว่าช่วงเวลาก่อนที่เขาจะคว้าแชมป์นั้นคือช่วงที่ดีที่สุดในอาชีพนักชกมวยของเขาอีกด้วย ส่วนในปัจจบันนั้นเขาจะมีคิวขึ้นชกกับตำนานมวยอีกคนอย่างรอย โจนส์ จูเนียร์ ติดตามต่อในข่าวกีฬาต่างประเทศ                เมื่อย้อนกลับไปถึงช่วงที่เขายังประสบความสำเร็จอย่างมากนั้น ทาง ไมค์ ไทสัน เองก็ยังรู้สึกว่าช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตเขาเกิดขึ้นก่อนปี 1986 ที่เจ้าตัวประสบความสำเร็จสูงสุด ซึ่งเขาได้ให้สัมภาษณ์กับเอ็ดดี้ เฮิร์นจากสำนักข่าวบีบีซีว่า ช่วงที่ดีที่สุดของชีวิตเขาคือการจะคว้าแชมป์เฮฟวี่เวทมาครอง เพราะตอนที่เขาทำสำเร็จนั้น ชีวิตเขาก็เปลี่ยนแปลงไปเพราะมันไม่ยังไม่ถึงเวลาของมัน จนกระทั่งอารมณ์ได้พาชีวิตของเขาไปอีกทางนั่นเอง                สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากการคว้าแชมป์โลกของไมค์ ไทสันก็คือพฤติกรรมเกเรของเจ้าตัว ทั้งการกัดหูของอีวานเดอร์ โฮลีฟิวด์ คดีกระทำชำเราผู้หญิงจนทำให้เขาถูกตัดสินให้จำคุกถึง 6 ปี นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการติดยาเสพย์ติดจนทำให้ชื่อเสียงของเขาเสียหายอย่างมาก ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงของชีวิตเมื่อเจ้าตัวอายุมากขึ้น แม้ว่าเขาจะยอมรับว่าความเป็นเด็กชายในตัวของเขานั้นยังมีอยู่ในปัจจุบันก็ตาม ปัจจุบันของ ไมค์ ไทสัน นั้นก็จะกลับมาขึ้นชกอีกครั้งในการเจอกับรอย โจนส์ จูเนียร์                ส่วนปัจจุบันของไมค์ ไทสันนั้นก็จะกลับมาขึ้นชกอีกครั้งในการเจอกับรอย โจนส์ จูเนียร์ ซึ่งจะเป็นการชกแบบกระชับมิตรและมีกฎกติกาที่เปลี่ยนไป อย่างการชกยกละ 2 นาทีแทนที่จะเป็น 3 นาทีแบบนักกีฬาทั่วไป รวมถึงการพยายามไม่น็อคคู่ต่อสู้เนื่องจากสภาพร่างกายของทั้งอดีตแชมป์เฮฟวี่เวททั้งสองคนนั่นเอง

Continue Reading
มวยไทย

มวยไทย ซึ่งมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร แม้ในความจริงศิลปะแขนงหนึ่ง

ประเทศไทยเรานิยามตัวเองว่าคือเจ้าแห่งศิลปะ มวยไทย ซึ่งมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร แม้ในความจริงศิลปะแขนงนี้จะเป็นวัฒนธรรมร่วมของชาวอุษาคเนย์ก็ตามที และด้วยความนิยมของคนไทยที่ชื่นชอบการเสพศิลปะ มวยไทย ผ่านการรับชมการแข่งขันเวทีต่าง ๆ ติดตามต่อในข่าวกีฬา ทั้งเวทีมาตรฐาน (ลุมพีนี-ราชดำเนิน) และมวยตู้ (ถ่ายทอดตามช่องโทรทัศน์) ซึ่งเวทีจำนวนมากเช่นนี้ทำให้นักมวยมีโอกาสขึ้นชกโชว์ฝีมือ แต่มันจะช่วยให้สามารถชกมวยสากลเก่งด้วยหรือไม่นั้น วันนี้เราจะมาหาข้อเท็จจริงกัน           ก่อนอื่นต้องกล่าวก่อนว่ามวยไทยกติกาสามารถใช้ได้ทุกส่วน เท้า หมัด เข่า ศอก นั่นจึงทำให้นักมวยไทยแต่ละคนมีสไตล์เป็นของตัวเอง จนถึงขั้นมีการตั้งฉายา เช่น ที่บ้านรับจ้างตีเข่า (เก่งแทงแข่า)  , ศอกอาบยาพิษ (ชำนาญการสับศอกใส่คิ้วคู่ต่อสู้) แข้งพิชิตก้านคอ (เก่งเตะเพื่อน็อคคู่ต่อสู้) และหมัดทลวงไส้ (การน็อคคู่ต่อสู่ด้วยหมัด) ซึ่งหากไล่เรียงจะพบว่าสไตล์นักมวยไทย เชี่ยวชาญการใช้เข่า ศอก เท้า และหมัด ไล่เรียงลงมาตามลำดับ โดยสาเหตุที่เข่าและศอก มีมาก เพราะเป็นอาวุธที่รุนแรง การโดนอย่าจังเพียงครั้งเดียวสามารถน็อคคู่ต่อสู้ได้ทันที แต่การเตะกับต่อยนั้นจัดเป็นอาวุธเบาที่ยากแก่น็อคคู่ต่อสู้ ทำให้ส่วนใหญ่เป็นเพียงการป้องกันตัวกับตอบโต้เท่านั้น           เมื่อแต่เมื่อนักชกคนหนึ่งๆ จะเปลี่ยนมาชกมวยสากล ทุกอย่างจะต้องขึ้นอยู่กับหมัดเพียงอย่างเดียว ไม่ว่าจะรับหรือโจมตี รวมถึงสเต็ปเท้าก็เปลี่ยนแปลงไป  นั่นจึงทำให้เห็นได้ว่า แม้จะขึ้นชื่อว่ามวยเหมือนกัน  แต่ทั้งมวยไทยกับมวยสากล […]

Continue Reading